“อุตตม” โชว์นโยบายพรรคพลังประชารัฐ จัดเต็มชุดมาตรการ “3 เร่งด่วน แก้ปัญหา ครบทุกมิติ” และชุดมาตรการ “7 เร่งรัด” พัฒนาประเทศ โดยใช้กองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท เป็นเครื่องมือทำให้นโยบายที่คิดไปสู่ความสำเร็จและปฏิบัติได้
นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการฝ่ายจัดทำนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ต้องการพลิกโฉมประเทศ 360 องศา โดยชูชุดมาตรการ “3 เร่งด่วน แก้ปัญหา ครบทุกมิติ” ได้แก่ 1.การแก้หนี้ให้ประชาชนและผู้ประกอบการอย่างเบ็ดเสร็จ พร้อมทั้งเติมทุนใหม่ 2.การดูแลคนไทยด้วยชุดสวัสดิการแห่งรัฐ ควบคู่การเสริมทักษะพัฒนาคนไทยให้ก้าวทันโลก 3.การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกกลุ่มวัย
พร้อมกันนี้ มีชุดมาตรการ “7 เร่งรัด” ได้แก่ 1.ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มรายได้ โดยต้องดูแลเกษตรกรให้เข้มแข็ง 2.ยกเครื่องอุตสาหกรรมเดิม สร้างอุตสาหกรรมใหม่ สร้างระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจ BCG และเร่งขับเคลื่อน 5 อุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ พร้อมวางแผนเพื่อขับเคลื่อน 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
3.เร่งพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ เร่งรัดการพัฒนากิจกรรมทั้งเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่อีอีซี ให้สมบูรณ์โดยเร็ว เชื่อมโยงกับภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศ รวมทั้งยกระดับกรุงเทพฯให้เป็นมหานครแห่งเอเชีย
4.ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสินค้าและการคมนาคมของประชาชน ทั้งถนน ราง ทางน้ำ และทางอากาศ ควบคู่ไปกับการเร่งยกระดับโครงข่ายดิจิทัล การเร่งรัดพัฒนาเครือข่าย 5G นำประเทศไทยก้าวสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) อย่างเต็มรูปแบบ
5.พัฒนาแรงงานรองรับระบบเศรษฐกิจแห่งอนาคต โดยสนับสนุนคนไทยพัฒนาและยกระดับทักษะ รวมถึงสนับสนุนงบประมาณแก่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศเพื่อจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรมเสริมทักษะนอกเหนือจากหลักสูตรสายปริญญาปกติ นอกจากนั้นจะสนับสนุนมาตรการลดหย่อนภาษีให้ธุรกิจที่ส่งเสริมบุคลากรในการพัฒนาและยกระดับทักษะ
6.ปฏิรูปรัฐราชการ โดยแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของคนไทย พร้อมสร้างระบบ One-Stop Service เพื่อลดต้นทุนและความยุ่งยากในการติดต่องานภาครัฐและสถาบันการเงิน ปฏิรูประบบงบประมาณ และกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น
7.ต่อต้านคอร์รัปชันเต็มรูปแบบ โดยยกเลิกปรับเปลี่ยนระเบียบวิธีราชการ การขออนุญาต และการประมูลภาครัฐให้โปร่งใส ลดการใช้ดุลพินิจเพื่อความเป็นธรรม พร้อมเปิดเผยข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้ประชาชนร่วมตรวจสอบทุกขั้นตอน เพิ่มโทษการทุจริตคอร์รัปชันนักการเมืองเป็น 2 เท่า และเร่งใช้เงินดิจิทัลสำหรับโครงการประมูลขนาดใหญ่
นายอุตตม กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยมีโอกาสขยายตัวได้ปีละ 5% แต่ว่าต้องวางรากฐานใหม่เพื่อให้เศรษฐกิจประเทศโตได้อย่างครอบคลุม ซึ่งการทำนโยบาย “3 เร่งด่วน 7 เร่งรัด” จะตอบโจทย์นี้ ซึ่งการให้ประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีเครื่องมือ คือ กองทุนประชารัฐ วงเงิน 300,000 ล้านบาท มาดำเนินการ โดยปีแรกอาจเริ่มที่ 100,000 ล้านบาทก่อนแล้วค่อยทยอยเติมวงเงินตามความจำเป็น โดยเงินนี้จะมาจากการเกลี่ยจากวงเงินงบประมาณ ชะลอโครงการที่มีงบผูกพันต่อเนื่อง
แต่ยังไม่จำเป็น เป็นการบริหารจัดการโดยหาพื้นที่ในงบประมาณเดิมไม่ต้องเพิ่มวงเงินงบประมาณใหม่ โดยหลักของกองทุนนี้จะนำเงินมาใช้สำหรับแก้ปัญหาหนี้สิน เติมทุนใหม่และเสริมทักษะ
“กองทุนนี้ตั้งขึ้นมาเริ่มจากการแก้ปัญหาเร่งด่วน พักหนี้ พักเงินต้น ดอกเบี้ย เพื่อให้เขาหายใจได้ เติมทุนใหม่ให้ ใช้เพื่อการลงทุนในระยะยาวได้ด้วย และจะมีสินเชื่อพิเศษสำหรับคนตัวเล็ก 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 5% ผ่อน 7 ปี หรือ 24 บาทต่อวัน เช่น ร้านขายขนมจีนได้วันละ 35 บาท เบี้ยเพียง 24 บาทต่อวัน สะท้อนว่าจานเดียวก็สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้แล้ว ขณะที่เงิน 50,000 บาท ที่ได้มาสามารถซื้อเครื่องทำขนมจีนใหม่ หรือจัดสรรทุนตั้งต้นให้สตาร์ตอัพหรือธุรกิจเอสเอ็มอีสูงสุด รายละ 5 ล้านบาท รวมทั้งสนับสนุนสร้างเศรษฐกิจย่านใหม่ทั่วประเทศ ย่านละ 50 ล้านบาท ให้เกิดทำเลค้าขายใหม่ๆ รวมทั้งปั้นให้เกิดแฟรนไชส์ใหม่ 100,000 ราย สร้างรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท”
กองทุนประชารัฐยังสามารถนำเงินไปเพิ่มทักษะ เพิ่มองค์ความรู้ โดยสร้างเครือข่ายศูนย์พัฒนาประชารัฐเพื่อช่วยเหลือทักษะการทำมาหากิน ส่วนอีกขาหนึ่งจะเติมเงินในสวัสดิการบัตรประชารัฐเพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน เมื่อสองมิติเดินคู่ขนานกันจะทำให้เศรษฐกิจโต และช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ โดยวิธีใช้กองทุนประชารัฐนับเป็นการลงทุนและส่งเม็ดเงินโดยตรงไม่รั่วไหล ทำได้ทันที ไม่ต้องสร้างระบบใหม่ทั้งสิ้น ต่างจากเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทยคิดขึ้นมา อาจจะคิดว่ามีเสน่ห์ หากพูดถึงเงินดิจิทัล แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ใช่เงินดิจิทัล เป็นเงินบาทผ่านแอปพลิเคชัน และต้องวางระบบใหม่ ขณะที่กองทุนประชารัฐยังนำไปใช้ลงทุนเสริมกองทุนหมู่บ้านได้ด้วย
นายอุตตมกล่าวเพิ่มเติมถึงสร้างระบบให้เอื้ออำนวยของการเกิดของสตาร์ตอัพและการใช้ซอฟต์เพาเวอร์หรือพลังแห่งความหลงใหล ที่นอกจากจะให้งบร่วมทุน 5 ล้านบาทแล้ว ควรมีการจัดทำพื้นที่สำหรับจัดทำแซนด์บ็อกซ์และมีคณะกรรมการระดับชาติมาดูแลให้เกิดสตาร์ตอัพในพื้นที่นี้จะช่วยให้ธุรกิจนี้มีแต้มต่อ เช่น มีพื้นที่เช่าราคาถูก มีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำ มีการยกเว้นกฎระเบียบบางอย่างชั่วคราว
ส่วนเรื่องการจัดเก็บภาษี พรรคพลังประชารัฐจะยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีรายได้รวมทั้งปีไม่เกิน 500,000 บาท ส่วนการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลอาจจะมีการทบทวนเพื่อยกเลิกการลดหย่อนที่ไม่จำเป็น และขยายฐานภาษีไปพร้อมๆกัน จากการเติมทุนให้กับเอสเอ็มอี และขยายฐานภาษีใหม่สำหรับธุรกิจออนไลน์จากต่างประเทศ ซึ่งบริษัทเหล่านี้เขายินดีจ่าย เนื่องจากในประเทศอื่นๆ ก็มีการจัดเก็บ เพียงแต่ในไทยยังไม่มีระบบการจัดเก็บ รวมทั้งการจัดเก็บภาษีตามสัดส่วนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ เป็นต้น.