“คิง เพาเวอร์” รอทัพลูกค้าจีน เป้ารายได้ปนี้ 80% จากช่วงก่อนโควิด

คิง เพาเวอร์ระบุคนไทยเดินทางไปต่างประเทศเป็นปกติแล้ว แต่ลูกค้ารายใหญ่คือจีน เดินทางมาเพียง 30% แต่มีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง เผยปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลด้วย 8 แกนธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้เพิ่ม 2 เท่าภายในปี 2568 เปิดแผนลงทุนใหม่ 2 โครงการคือที่ SAT 1 สุวรรณภูมิจะเปิดให้บริการกลางปีนี้ และคิง เพาเวอร์แห่งใหม่กลางเมืองเปิดปีหน้า

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจปลอดอากรของคิง เพาเวอร์ในปีนี้ มีเป้าหมายทำรายได้ในสัดส่วน 80% ของรายได้ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2562 ที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้โดยสารเข้า-ออกสนามบินจะอยู่ที่ 64 ล้านคนในปีนี้ โดยชาวไทยเดินทางออกไปต่างประเทศในระดับใกล้เคียงก่อนโควิดแล้ว ส่วนชาวจีนซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่กลับมาเพียง 30% เท่านั้นแต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้นต้องใช้กลยุทธ์เพิ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มสมาชิกและการเพิ่มการใช้จ่ายต่อบิลให้มากขึ้น

ขณะที่การลงทุนของคิง เพาเวอร์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ทำการรีโนเวตพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง หลังเปิดให้บริการพร้อมการเปิดตัวสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา บนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร สินค้ากว่า 1,400 แบรนด์ ขณะเดียวกัน ยังได้ลงทุนอีกกว่า 2,000 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite : SAT 1) ซึ่งคาดจะเปิดให้บริการกลางปีนี้ และอีกโครงการใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ แห่งใหม่ คาดเปิดให้บริการปีหน้า

ขณะเดียวกัน คิง เพาเวอร์ได้ปรับองค์กร และรูปแบบธุรกิจเข้าสู่ดิจิทัล ทรานฟอร์เมชัน (Digital Transformation) ทั้งสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ๆ ทางคิง เพาเวอร์จะยึดหลักแนวคิด “THE POWER OF POSSIBILITIES” ด้วย 8 แกนธุรกิจ ได้แก่ Travel Retail, Retail, Dining, Hospitality, Consumer Products, Travel Experiences, Sports และ CSR

สำหรับธุรกิจดิวตี้ฟรี สามารถเลือกประเภทของบริการจัดส่งสินค้าได้ดังนี้ 1.บริการ Airport Pick up รับสินค้าได้ที่สนามบินทั้งขาเข้าและขาออก จาก คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี ออนไลน์ (king power.com) 2.สำหรับลูกค้าที่ไม่มีไฟล์ทบิน
สั่งซื้อที่ FIRSTER.com บริการรับสินค้าที่บ้านหรือโรงแรมในประเทศไทย สำหรับลูกค้าต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและลูกค้าทั่วไป

นายอัยยวัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาคิง เพาเวอร์ประสบความสำเร็จกับกลุ่มลูกค้าเจนเอ็กซ์, เจนวาย และต้องการขยายเข้าถึงกลุ่มลูกค้านิวเจน กลุ่มใหม่ๆ ซึ่งกลยุทธ์การตลาดจะต้องใช้เครื่องมือใหม่ๆ เช่น การใช้ตัวแทน การใช้อินฟลูเอนเซอร์ จึงเปิดตัว “THE POSSIBILITIES MAKERS” ได้แก่ เจเจ-ต้าเหนิง-4EVE และเจฟ ซาเตอร์ ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น สดใส เข้าถึงได้ และชื่นชอบการเดินทาง ร่วมส่งต่อความหลากหลายของไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตที่ไม่หยุดค้นหาความเป็นไปได้ในแบบฉบับของตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้คิงเพาเวอร์ได้ให้รายละเอียดโครงการดิวตี้ฟรีแห่งใหม่ ย่านซีบีดี ใจกลางกรุงเทพฯ จะมีการลงทุน 3,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในปีหน้า แต่ยังไม่ระบุสถานที่ แต่คาดหมายกันว่าจะเป็นโครงการเดอะวัน แบงก์ค็อก โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่จะเปิดตัวเฟสแรกปีหน้า.