ในวาระครบรอบ 10 ปี BRI หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง คณะผู้แทนจีนและไทยร่วมจัดงานสัมมนา “จีนร่วมสมัยกับโลก การเแลกเปลี่ยนระหว่าวคนรุ่นใหม่ไทย-จีน” เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม โดยมีหน่วยงานร่วมจัดและสนับสนุนจำนวนมาก อาทิ สภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน พร้อมด้วยตัวแทนภาคธุรกิจ ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ผู้แทนจากคลังสมองสำนักงานวิจัยแห่งชาติ สมาชิกจากสมาคมมิตรภาพไทย-จีน สมาคมการค้าการลงทุนจีนในไทย ภาคการศึกษา ตลอดจนสื่อมวลชนไทยและจีน
นายเกา อันหมิง รองประธานสำนักสารนิเทศต่างประเทศแห่งประเทศจีน ในนามตัวแทนผู้จัด กล่าวถึงคนรุ่นใหม่ทั้งไทยจีนที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดโครงการต่างๆ ซึ่งสร้างประโยชน์ระหว่างสองประเทศ การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์อยากให้คนรุ่นใหม่ทั้งไทยและจีนเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
พร้อมข้อเสนอแนะ 3 ประการ ได้แก่ การส่งเสริมให้เกิดแพลตฟอร์มสำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้เข้าใจระหว่างคนรุ่นใหม่ การส่งเสริมด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและภาครัฐต้องเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนทรัพยากร เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าขายในโลกยุคปัจจุบัน เชื่อมโยงธุรกิจของคนรุ่นใหม่ตลอดจนสตาร์ทอัพ และการสร้างกลไกที่จะเอื้อประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายพัฒนาไปสู่หุ้นส่วนยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน อาทิ Green Economy, Creative Economy, Sustainable Development
ช่วงการเสนาแลกเปลี่ยนในหัวข้อ “การแลกเปลี่ยนระหว่างคนรุ่นใหม่ไทย-จีน” โดยมีผู้เข้าร่วม ได้แก่ นายเอกรัตน์ จันทร์รัฐิติกาล ผอ.สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล (ฝ่ายไทย) ดร.วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทยจีน รองศาสตราจารย์หาน เฟิ้งหง สถาบันขงจื่อแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นางต๋า หองจวน ผู้จัดการความสัมพันธ์ภายนอกและภาครัฐ GWM Thailand และนายชุน ไฟลินดีเลิศ นายกสมาคมธุรกิจยุคใหม่ไทยจีน โดยมี นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ บรรณาธิการบริหาร The Leader Asia เป็นผู้ดำเนินรายการ
คนรุ่นใหม่ทั้งไทยและจีนในยุคนี้มีเป้าหมายทางด้านการเงินที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยสิ่งที่แตกต่างจากอดีต คือ คนรุ่นใหม่มีความรู้และเชี่ยวชาญในเทคโนโลยี
และประยุกต์ในการสร้างรายได้และทำธุรกิจ ปัจจุบันมีช่องทางหลากหลายทั้งการรับข้อมูลข่าวสาร การติดต่อค้าขายระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ยังให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้คุณค่ากับนวัตกรรมและเชื่อมั่นในเทคโนโลยีที่มีส่วนช่วยทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น นอกจากนี้คนรุ่นใหม่มีความสนใจในวัฒนธรรมเป็นจุดตั้งต้น กล่าวคือ วัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบในสังคมเป็นจุดเชื่อมโยงความสนใจทั้งในภาคการศึกษาและการทำงานร่วมกัน
ในปีนี้ “คนรุ่นใหม่” ถือเป็นวาระพิเศษ หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวในวันครบรอบ 100 ปี ของการก่อตั้งสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนว่า คนรุ่นใหม่เป็นความหวังของการพัฒนาและนวัตกรรม รวมถึงการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันระว่างประเทศไทยและจีน