อาจต้องจ่ายเงินดูโอลิมปิก-บอลโลก กสทช.เปิดรับฟังความคิดเห็น ยกเลิกประกาศ "มัสต์แฮฟ"

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากกรณีที่ประชุมบอร์ด กสทช.นัดพิเศษเมื่อวันที่ 23 มี.ค.2566 ได้ให้ความเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กสทช.เรื่องยกเลิกประกาศ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 (ประกาศมัสต์แฮฟ-Must Have) โดยมอบหมายให้สำนักงาน กสทช.ไปจัดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไป เพื่อนำความเห็นที่ได้มาประกอบการพิจารณาก่อนออกประกาศนั้น ทางบอร์ดไม่ได้กำหนดเงื่อน เวลาว่าจะต้องดำเนินการให้เสร็จก่อนการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค.2566 โดยซีเกมส์ถือเป็น 1 ใน 7 การแข่งขันกีฬาที่หากมีการถ่ายทอดสดจะต้องถูกเผยแพร่ไปยังฟรีทีวีทุกช่อง

“ทางสำนักงานจะเปิดรับฟังความคิดเห็นโดยเร็วที่สุดผ่านทางเว็บไซต์ก่อน ซึ่งตามเงื่อนเวลากำหนดไว้ 30 วัน ก่อนนำผลการรับฟังความคิดเห็นเสนอบอร์ดอีกครั้ง ซึ่งอาจจะทันหรือไม่ทันการแข่งขันซีเกมส์ อย่างไรก็ตาม การเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดกีฬาเช่นนี้ น่าจะต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ซึ่งกรณีซีเกมส์ ปกติโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจจะเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์”

ทั้งนี้ ที่ประชุมบอร์ดนัดพิเศษได้ให้ความเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่องยกเลิกประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 หรือประกาศมัสต์แฮฟที่กำหนดให้รายการกีฬา 7 ประเภท คือ โอลิมปิก เอเชียนเกมส์ ซีเกมส์ เอเซียนพาราเกมส์ อาเซียนเกมส์ พาราลิมปิกเกมส์และฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่หากมีการได้รับสิทธิให้นำมาออกอากาศในประเทศไทย จะต้องนำทั้ง 7 รายการมาเผยแพร่ผ่านทางโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (ภาคพื้นดิน) เป็นอันดับแรกและจะมีผลต่อเนื่องทำให้ทั้ง 7 ประเภทรายการแข่งขัน ต้องถูกนำสัญญาณไปออกอากาศผ่านระบบดาวเทียม เคเบิล และ IPTV ภายใต้กฎมัสต์แคร์รี่ (Must Carry) ด้วย

นายไตรรัตน์ กล่าวว่า เชื่อว่าจะมีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะหากไม่มีประกาศมัสต์แฮฟ ก็ต้องยอมรับสภาพว่าต่อไปการรับชมกีฬา 7 ประเภทดังกล่าวอาจต้องมีค่าใช้จ่ายหรือรับชมไม่ได้แพร่หลายเช่นเคย นอกจากนั้นประกาศมัสต์แฮฟจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อมีการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเท่านั้น หากที่สุดในประเทศไทยไม่มีใครซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ประกาศก็จะไม่มีผลบังคับใช้.