ดัชนีเชื่อมั่น ก.พ.นิวไฮ 36 เดือน รัฐบาลคุยลั่นส่งมอบเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผยในงาน THE NEXT THAILAND’S FUTURE : จุดเปลี่ยนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ว่า ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และในช่วง 3 ปีที่ตนได้ทำงาน ถือว่าได้วางพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศโดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐาน และพาประเทศผ่านวิกฤติโควิด-19 มาได้โดยที่สามารถรักษาวินัยทางการเงินการคลังไว้ได้อย่างดี สามารถกลับมาสู่ภาวะปกติเพื่อที่จะเริ่มสตาร์ตเศรษฐกิจให้เดินหน้าได้อีกครั้ง และถือว่าส่งมอบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและมีความสามารถในการแข่งขันไปสู่รัฐบาลหน้าได้ เมื่อเข้ามาแล้วประเทศก็มีโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็ง และมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนแน่นอน

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.66 ว่า ดัชนีอยู่ที่ 52.6 เพิ่มจาก 51.7 ในเดือน ม.ค.66 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 36 เดือน นับตั้งแต่เดือน มี.ค.63 ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยเริ่มมีโควิด-19 ระบาด ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 46.8 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวมอยู่ที่ 49.9 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 61.2 ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการและสูงสุดในรอบ 36 เดือน นับตั้งแต่ มี.ค.63

โดยมีปัจจัยบวกสำคัญมาจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นหลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ, โควิดดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับ ราคาน้ำมันเบนซินลดลงมากจากช่วงครึ่งปีแรกทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ยังมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 66 ที่ภาครัฐมีให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น ช้อปดีมีคืน, มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ราคาพืชผลเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น และทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดปรับตัวดีขึ้น ราคาเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย.