เปิดช่องทางลงทะเบียน และขั้นตอนการขอรับรับสิทธิ มาตรการบรรเทาฯ ค่าไฟฟ้า-ค่าน้ำ ของผู้ได้รับสิทธิ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565" ต้องทำอย่างไร
วันที่ 9 มีนาคม 2566 จากกรณีคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบการจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปา (มาตรการบรรเทาฯ) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการการจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่ สำหรับผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 (ผู้มีบัตรฯ) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. สวัสดิการค่าไฟฟ้าและค่าประปา
- สวัสดิการค่าไฟฟ้า ปัจจุบันประชาชนทั่วไปจะได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้า จากมาตรการของรัฐบาลโดยการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีเงื่อนไขว่า หากประชาชนใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน จะได้รับสิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี ดังนั้น ภายใต้มาตรการบรรเทาฯ ให้แก่ผู้มีบัตรฯ จะเป็นกรณีที่ผู้มีบัตรฯ ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน โดยจะได้รับสนับสนุนค่าไฟฟ้าวงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่หากมีการใช้ไฟฟ้าเกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีบัตรฯ จะต้องเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าด้วยตนเองทั้งหมด
- สวัสดิการค่าน้ำประปา สนับสนุนค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยในกรณีที่ผู้มีบัตรฯ ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน แต่ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีบัตรฯ จะยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ต่อครัวเรือนต่อเดือนด้วยตนเอง แต่หากผู้มีบัตรฯ ใช้น้ำประปาเกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีบัตรฯ ต้องเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาด้วยตนเองทั้งหมด
2. ปรับเปลี่ยนวิธีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้า และ/หรือค่าประปา
โครงการฯ ปี 2565 ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้าและ/หรือค่าประปาสำหรับผู้มีบัตรฯ จากเดิมที่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้โครงการลงทะเบียน เพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และปี 2561 ต้องสำรองเงินจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับค่าไฟฟ้าและ/หรือค่าประปาให้แก่ผู้ให้บริการล่วงหน้าก่อน
โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และปี 2561 จะได้รับเงินสนับสนุนคืนเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายหลัง สำหรับมาตรการบรรเทาฯ ในครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนเป็นภาครัฐโดยกระทรวงการคลังจะสนับสนุนค่าไฟฟ้าและ/หรือค่าประปาให้แก่ผู้ให้บริการโดยตรงตามมูลค่าที่ผู้มีบัตรฯ ใช้สิทธิตามเงื่อนไขมาตรการบรรเทาฯ ที่กำหนด โดยวิธีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายนี้จะทำให้ผู้มีบัตรฯ ไม่ต้องสำรองเงินจ่ายค่าบริการไปก่อน ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ผู้มีบัตรฯ
ช่องทางการลงทะเบียนขอรับสิทธิ
ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ประสงค์รับสิทธิมาตรการบรรเทาฯ จะต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิใหม่ทุกคน โดยมีช่องทางดังนี้
สิทธิค่าไฟฟ้า สามารถลงทะเบียน ขอรับสิทธิได้ที่
สิทธิค่าน้ำประปา สามารถลงทะเบียน ขอรับสิทธิได้ที่
ขั้นตอนการลงทะเบียน
- ผู้ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ และได้ยืนยันตัวตนรับสิทธิตามโครงการฯ ปี 2565 แล้ว สามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้า และค่าประปาได้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป กับหน่วยงานผู้ให้บริการที่ผู้มีบัตรฯ รับบริการอยู่
- หากลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. สำเร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. หรือลงทะเบียนกับ กทร. สำเร็จภายในวันที่ 20 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. และหรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 17.00 น. จะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ "ใบแจ้งหนี้ค่าบริการเดือนเมษายน 2566"
- เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้ากับ กฟน. หรือ กฟภ. สำเร็จภายในวันที่ 8 เวลา 17.00 น. ของแต่ละเดือน หรือลงทะเบียนกับ กทร. สำเร็จภายในวันที่ 20 เวลา 17.00 น. ของแต่ละเดือน และ/หรือลงทะเบียนรับสิทธิค่าน้ำประปากับ กปน. หรือ กปภ. สำเร็จภายในวันที่ 25 เวลา 17.00 น. ของแต่ละเดือน จะสามารถได้รับสิทธิสำหรับใบแจ้งหนี้ค่าบริการในเดือนถัดไป (ไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง)
- ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ใช้สิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 และปี 2561 จะสามารถใช้สิทธิในรอบใบแจ้งหนี้ค่าบริการ เดือนมีนาคม 2566 เป็นเดือนสุดท้าย โดยสามารถนำใบแจ้งหนี้ค่าบริการที่ค้างชำระในช่วงที่ได้รับสิทธิตามมาตรการบรรเทาฯ ไปชำระเพื่อขอรับเงินสนับสนุนได้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2566
- ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 สามารถเข้าร่วมมาตรการบรรเทาฯ ได้ทุกคน แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขสวัสดิการของมาตรการบรรเทาฯ
- กำหนดการให้สวัสดิการแบบ 1 ครัวเรือนต่อ 1 สิทธิต่อ 1 รหัสประจำบ้าน ซึ่งสามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าไฟฟ้าได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน เช่นเดียวกันกับค่าประปา ที่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิค่าบริการได้เพียงผู้ให้บริการ 1 หน่วยงาน