ผลโพลชี้คนไทยต้องการให้แก้ปัญหา “คอร์รัปชัน” เป็นอันดับ 1 หลังช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยล้มเหลวแก้ปัญหามีทุจริตทุกหย่อมหญ้า ผู้นำรัฐบาลไม่เอาจริงจังแก้ไข ลั่นพรรคการเมืองควรเสนอนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันในการหาเสียงเลือกตั้ง และไม่เลือกถ้าพรรค/นักการเมืองซื้อเสียง
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทย จากประชาชน 2,255 ตัวอย่างทั่วประเทศว่า ทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาสำคัญอันดับ 1 ของประเทศ ที่ประชาชนต้องการให้แก้ไขมากที่สุด ตามด้วยปัญหาการศึกษา และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม โดยคอร์รัปชันขึ้นมาเป็นอันดับ 1 จากการสำรวจการเลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 62 ที่ปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับ 1 และคอร์รัปชันเป็นอันดับ 3 โดยคอร์รัปชันที่ส่งผลเสียและต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขคือทุจริตในระบบราชการ, ทุจริตในกระบวน การยุติธรรม, เงินบริจาคแก่สถาบันศาสนา, การศึกษา, สิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ, การดูแลผู้พิการ ผู้ยากไร้ เด็กด้อยโอกาส, ระบบขนส่งมวลชนและโครงสร้างสาธารณูปโภค, ภาคเกษตร, กระบวนการนำเข้าส่งออก
“ประชาชนยังมองถึงบทบาทและหน้าที่ของภาคการเมือง พรรคการเมือง และนักการเมืองว่า ต้องซื่อสัตย์ และมีจริยธรรม มีความชัดเจนในการต่อต้านทุจริต มีความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลและตรวจสอบได้ ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เอื้อประโยชน์กับพวกพ้อง ไม่รับสินบน สินน้ำใจ ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ทำงานเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อส่วนรวม รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ได้ตามที่สัญญาไว้กับประชาชน ไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด ไม่แทรกแซงการทำงานของภาคส่วนต่างๆ”
เมื่อถามว่า หากพรรคการเมืองไม่มีนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน จะเลือกหรือไม่ 83.6% ตอบไม่เลือก เพราะไม่โปร่งใสตั้งแต่แรก ส่วนอีก 16.4% เลือก เพราะยังไงก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องปกติของการเมืองไทย และหากนักการเมืองใช้เงินซื้อเสียง จะเลือกหรือไม่ 86.2% ตอบไม่เลือก เพราะทุจริตตั้งแต่เริ่มต้น ผิดกฎหมาย ส่วนอีก 13.8% เลือกเพราะแค่เข้ามาช่วยพัฒนาประเทศก็พอทุกพรรคก็ทำเหมือนกัน
ด้านนายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การทุจริตยังมีกว้างขวาง การแก้ปัญหายังไม่ดีขึ้น แต่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี คนรุ่นใหม่ตื่นตัวกับการแก้ปัญหามากขึ้น ที่สำคัญ ไม่ทานทนกับการทุจริตและอยากเห็นการต่อต้านการทุจริต
นายมานะ นิมิตมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า รัฐบาลนี้ การทุจริตมีมากมาย เพราะผู้นำรัฐบาล และผู้นำหน่วยงานต่างๆเพียงแค่บอกว่า มีนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน แต่ไม่ได้ทำอย่างจริงจัง ส่วนการทำข้อตกลงคุณธรรมกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการต่างๆ ก็ไม่ได้การันตีว่า จะช่วยให้ปัญหา หรือการจ่ายเงินใต้โต๊ะหมดไป เพียงแค่ช่วยทำให้การใช้เงินงบ ประมาณโครงการต่างๆคุ้มค่า และในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาข้อตกลงคุณธรรมช่วยทำให้เงินงบประมาณในโครงการต่างๆไม่รั่วไหลได้มากถึง 90,000 ล้านบาท
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของไทย เพราะขณะนี้ ไทยกำลังทะยานจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางไปเป็นประเทศพัฒนา.