นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดแนวทางกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบธุรกิจทางการเงินบางประเภทอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 พ.ศ. ... เพื่อกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวให้บริการแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยมียอดธุรกรรมสูงถึง 12.4% ของหนี้ครัวเรือนและมีแนวโน้มการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง 1 ใน 3 ของยอดธุรกรรม เป็นการให้บริการโดยผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลเฉพาะ
“ที่ผ่านมา เรื่องร้องเรียนการใช้บริการธุรกิจลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การให้ ธปท.กำกับดูแลจะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการทางการเงินที่เป็นธรรม ไม่ถูกหลอก ถูกบังคับ ถูกรบกวน หรือถูกเอาเปรียบ และได้รับการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส เพียงพอต่อการตัดสินใจเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินด้วยราคาที่เหมาะสม และไม่เป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคก่อหนี้สินจนเกินตัว”
ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะครอบคลุมผู้ประกอบธุรกิจที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลแต่ไม่รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจที่มีหน่วยงานกำกับดูแลอยู่แล้ว เช่น สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ สหกรณ์ เป็นต้น โดยการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจลีสซิ่งจะไม่ทับซ้อนกับการกำกับดูแลธุรกรรมเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่ยังคงมีอำนาจคุ้มครองผู้บริโภคและกำหนดสัญญามาตรฐาน
“ร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าวจะช่วยยกระดับการกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้บริการได้รับความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น”.