นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือน ม.ค.66 ไทยส่งออกได้มูลค่า 20,249.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 4.5% เทียบเดือน ม.ค.65 คิดเป็นเงินบาท 700,127 ล้านบาท ลดลง 0.9% การนำเข้า 24,899.1 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 5.5% คิดเป็นเงินบาท 871,430 ล้านบาท เพิ่ม 9.4% ขาดดุลการค้า 4,649.6 ล้านเหรียญ หรือขาดดุล 171,303.3 ล้านบาท โดยการส่งออกที่ลดลงมาจากการลดลงของสินค้าเกษตร 2.2% สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 3.3% และสินค้าอุตสาหกรรม 5.7% และยังได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อของคู่ค้าหลายประเทศยังอยู่ในระดับสูง ฉุดกำลังซื้อ และการผลิตโลกหดตัว ทำให้นำเข้าลดลง
อย่างไรก็ตาม แม้การส่งออกลดลง แต่สินค้าสำคัญหลายตัวยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น ข้าว เพิ่ม 72.3% ไขมันจากพืชและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เพิ่ม 124% ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เพิ่ม 50% ผลไม้สด เพิ่ม 2.5% รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ที่กลับมาเพิ่มอีกครั้งที่ 9.2% อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด เพิ่ม 72.3% หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่ม 44.9% เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เพิ่ม 47.1% เป็นต้น
ด้านนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมได้หารือกับเอกชนหลายกลุ่มสินค้าประเมินเหมือนกันว่า การส่งออกช่วงครึ่งแรกปี 66 จะชะลอตัวและลดลง แต่ครึ่งปีหลังจะขยายตัวดีขึ้น และยังมั่นใจว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1-2% จะยังคงใช้เป็นเป้าทำงานที่จะทำให้บรรลุผล โดยจะเพิ่มกิจกรรมบุกเจาะตลาดที่มีโอกาสมากขึ้น เช่น ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ซีแอลเอ็มวี จีน
ขณะที่นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ถ้าจะทำให้การส่งออกปี 66 โตได้ 1-2% ตามเป้าหมาย ในช่วง 11 เดือนที่เหลือของปีนี้ ต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 24,517-24,778 ล้านเหรียญ แต่หากจะรักษาการส่งออกให้ได้เท่ากับปี 65 ที่ทำได้ 287,068 ล้านเหรียญ จะต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ยที่เดือนละ 24,256 ล้านเหรียญ.