นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า ดัชนีฯอยู่ที่ระดับ 93.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 92.6 เมื่อเดือน ธ.ค.2565 เป็น การปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 43 เดือน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2562 เนื่องจากการขยายตัวของความต้องการในประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งสินค้าคงทนและสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากมาตรการช้อปดีมีคืน ตลอดจนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่การเปิดประเทศของจีน ที่ส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวและการนำเข้าสินค้าจากไทย แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางโดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯและสหภาพยุโรป ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกไทย
นายสุชาติกล่าวว่า ผู้ประกอบการยังมีความกังวลถึงทิศทางการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ในอดีตประเทศไทยมีเม็ดเงินจากส่วนนี้สูงถึง 30-35% ของอัตราการ เติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) แต่ขณะนี้เหลือเพียง 15% จึงถือเป็นปัจจัยฉุดรั้งต่อเศรษฐกิจไทย
ดังนั้น จึงต้องการเสนอให้รัฐบาลปัจจุบัน และรวมถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ดูแลเรื่องนี้เพื่อเพิ่ม ขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยและการดึงการลงทุน เมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น เวียดนามที่เพิ่มขึ้นมากใน 4 ประเด็นดังนี้ 1.ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดที่ 2 ในเดือน พ.ค.- ส.ค.นี้ ที่ควรจะปรับลดลงโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม 2. มาตรการบรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยลดต้นทุนทางการเงินให้กับภาคธุรกิจโดยเฉพาะ เอสเอ็มอี 3.เร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย 4.อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่ไม่ควรผันผวนจนเกินไปและต้องการให้มองทั้งผู้นำเข้าและส่งออกให้สมดุลกัน.