เงินเฟ้อ ม.ค.ต่ำสุดรอบ 9 เดือน เหตุน้ำมันลดลง! มั่นใจทั้งปีอยู่ในกรอบ

สนค. เผยเงินเฟ้อเดือน ม.ค.66 ต่ำสุดในรอบ 9 เดือนตามการลดลงของราคาน้ำมัน โดยชะลอลงจากเดือน ธ.ค.65 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหรือเดือน ม.ค.65 เพิ่มขึ้น 5.02% ลั่นแม้เงินเฟ้อยังสูงแต่แนวโน้มชะลอลงต่อเนื่อง คาดทั้งปี 66 จะลงมาอยู่ในกรอบ 2.0-3.0% ย้ำขึ้นดอกเบี้ยช่วยชะลอความร้อนแรงได้บ้าง แต่สาเหตุเงินเฟ้อลดลงมาจากราคาน้ำมันลงเป็นสำคัญ ส่วนจะขึ้นดอกเบี้ยอีกหรือไม่อยู่ที่ กนง.

นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (เงินเฟ้อ) เดือน ม.ค.66 ว่า เท่ากับ 108.18 สูงขึ้น 5.02% เมื่อเทียบเดือน ม.ค.65 ที่อยู่ที่ 103.01 แต่เป็นอัตราที่ชะลอลงจากเดือน ธ.ค.65 ที่สูงถึง 5.89% และเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 9 เดือน นับจากเดือน พ.ค.65 เป็นผลจากการชะลอตัวของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานและอาหาร ขณะที่ความต้องการในประเทศปรับตัว ดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยว เทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน ส่งผลให้การใช้จ่ายคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกจากการคำนวณ เดือน ม.ค.66 สูงขึ้น 3.04% จากเดือน ม.ค.65 ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือน ธ.ค.65 ที่สูงขึ้น 3.23% ตามต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง

สำหรับอัตราเงินเฟ้อในเดือน ม.ค.66 ที่สูงขึ้น 5.02% จากเดือน ม.ค.65 เป็นผลจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น 343 รายการ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทุกประเภท ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ค่าโดยสารสาธารณะ (รถเมล์เล็ก/รถสองแถว รถแท็กซี่ เครื่องบิน) วัสดุก่อสร้าง ค่าแรงช่าง ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (สบู่ถูตัว ยาสีฟัน ค่าแต่งผมชาย) สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก) มีเพียง 45 รายการที่ราคาลดลง และ 42 รายการ ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

“แม้ราคาพลังงานยังอยู่สูง แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค.65 ทำให้เงินเฟ้อเดือน ม.ค.66 เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลง ประกอบกับ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้า ทั้งวัตถุดิบ และกึ่งสำเร็จรูปลดลง หากราคาน้ำมันยังทรงตัวอย่างในปัจจุบัน และไม่มีเหตุที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น เงินเฟ้อทั่วไปของไทยจะลดลงเรื่อยๆจนถึงปลายปี ทำให้ทั้งปีจะขยายตัวได้ 2.0-3.0% หรือมีค่ากลางที่ 2.5% ไม่หลุดกรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ที่ 1.0-3.0%”

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า เดือน ม.ค.66 ครัวเรือนไทยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 18,190 บาท เพิ่มขึ้น 54 บาท จาก ธ.ค.65 ที่อยู่ที่ 18,136 บาท โดยเป็นค่าโดยสารสาธารณะ น้ำมันเชื้อเพลิง ค่าบริการโทรศัพท์มือถือมากสุดถึง 4,230 บาท ตามด้วยค่าเช่าบ้าน ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม เครื่องใช้ในบ้าน 4,032 บาท, เนื้อสัตว์ 1,765 บาท, อาหารบริโภคในบ้านดีลิเวอรี 1,632 บาท, อาหารบริโภคนอกบ้าน (ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง KFC ฯลฯ) 1,249 บาท เป็นต้น

นายวิชานัน กล่าวต่อถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดเงินเฟ้อว่า ปีที่ผ่านมาต้นทุนการผลิตสินค้าสูงขึ้นมากจากราคาน้ำมัน และวัตถุดิบต่างๆ กนง.จึงต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนหนึ่งเพื่อทำให้เงินต่างประเทศไหลเข้าไทย และดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เมื่อนำไปซื้อสินค้าจากต่างประเทศจะมีต้นทุนการนำเข้าถูกลง ต้นทุนผลิตลดลง และราคาขายสินค้าลดลง ส่งผลให้เงินเฟ้อไม่สูงขึ้นมากนักในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การชะลอการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งไม่กดดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้นมากเช่นกัน แต่มองว่าเงินเฟ้อของไทยที่ทยอยลดลงต่อเนื่อง และเดือน ม.ค.66 ที่ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน เป็นผลมาจากราคาพลังงานที่ลดลงเป็นสำคัญ เพราะเงินเฟ้อไทยแต่ละเดือนที่เพิ่มขึ้นมากก่อนหน้านี้ มาจากราคาน้ำมันเป็นหลัก อย่างเดือน ม.ค.66 ที่เพิ่มขึ้น 5.02% มีอิทธิพลของราคาน้ำมันอยู่ถึง 1% “เมื่อเงินเฟ้อชะลอลงแล้ว กนง.ยังจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของ กนง. แต่ถ้าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวและดึงเงินเข้าประเทศ ยังมีช่องที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ เพราะดอกเบี้ยไทยยังต่ำมากเมื่อเทียบประเทศอื่น โดยของไทยอยู่ที่ 1.5% ยุโรป 2.5%, มาเลเซีย 2.75%, สิงคโปร์ 3.6%, ฟิลิปปินส์ 5.5%, อินโดนีเซีย 5.75%, ลาว 6%, เวียดนาม 6.5% เพราะไทยใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำมานาน”.