ลุ้นสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ลุ้นสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ

Date Time: 24 ม.ค. 2566 07:09 น.

Summary

  • จากข้อมูลสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ออกประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 ประเทศไทยมีประชากรทั้งสิ้นกว่า 66 ล้านคน

Latest

5 วิชา “การเงิน การลงทุน” ต้องรู้! เป็นหนี้อย่างไร? ให้มี “เงินเก็บ” เกษียณแบบมีรายได้

จากข้อมูลสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ออกประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 ประเทศไทยมีประชากรทั้งสิ้นกว่า 66 ล้านคน

ขณะที่มีผู้มาลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนรอบใหม่ 21.45 ล้านคน คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรไทย ที่มีรายได้ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน

ส่วนอีก 40 กว่าล้านคน เป็นผู้มีรายได้เกินเกณฑ์มาตรฐานผู้มีรายได้น้อย

สำหรับนิยาม “บัตรคนจน” ที่มีสิทธิถือครองบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งกำหนดมาตรฐานไว้ คือ หากมีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี จะได้รับการช่วยเหลือจุนเจือเดือนละ 300 บาท และหากมีรายได้ตั้งแต่ 30,000-100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือเดือนละ 200 บาท

ส่วนสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้นับตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน คือ วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภค วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม วงเงินค่าโดยสารรถเมล์และรถไฟฟ้า วงเงินค่าโดยสารรถบริษัทขนส่ง จำกัด วงเงินค่าโดยสารรถไฟ เป็นต้น

ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้เม็ดเงินกว่า 280,000 ล้านบาท ช่วยเหลือคนมีรายได้น้อย ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

โดยโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เริ่มแรกเมื่อปี 2561 มีผู้ใช้สิทธิ 11.46 ล้านคน ใช้วงเงินงบประมาณ 43,200 ล้านบาท ปี 2562 ผู้ใช้สิทธิ 14.50 ล้านคน ใช้วงเงิน 93,100 ล้านบาท ปี 2563 มีผู้ใช้สิทธิ 13.94 ล้านคน 46,700 ล้านบาท ปี 2564 มีผู้ใช้สิทธิ 13.80 ล้านคน วงเงิน 48,100 ล้านบาท ปี 2565 มีผู้ใช้สิทธิ 13.51 ล้านคน ใช้งบประมาณ 49,100 ล้านบาท

และเมื่อปลายปี 2565 รัฐบาลได้ประกาศให้มีการลงทะเบียนใหม่ และภายในเดือน ม.ค.2566 นี้ จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิรับสวัสดิการแห่งรัฐอย่างเป็นทางการ และจะเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือจุนเจือในเดือน มี.ค.2566 เป็นต้นไป เบื้องต้นมีผู้ที่ผ่านคุณสมบัติแล้วกว่า 20 ล้านคน

สาเหตุที่จำนวนคนจนมาลงทะเบียนเพิ่มขึ้น เป็นผลต่อเนื่องจากวิกฤติโควิด ทำให้หลายคนตกงาน ขาดรายได้ ประกอบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น สินค้าต่างๆทยอยปรับขึ้นราคา

ทั้งนี้เพื่อความทันสมัยของข้อมูลและสอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด กระทรวงการคลังจึงได้เปิดให้ลงทะเบียนรอบใหม่ และข้อมูลทั้งหมดจะเชื่อมโยงกับหน่วยงานราชการทั้งหมด 43 หน่วยงาน และครั้งนี้จะไม่มีการออกบัตรคนจนเป็นการเฉพาะ แต่จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทน

ขอย้ำคุณสมบัติหลักของผู้มีสิทธิรับสวัสดิการของรัฐครั้งนี้ เข้มข้นมาก เพื่อลบคำครหา คนจนจริงไม่ได้สิทธิ คนรวยได้สิทธิ

ดังนี้ 1.สัญชาติไทย 2.มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป 3.ต้องไม่เป็น-ภิกษุ สามเณร นักพรต นักบวช-ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง-บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ฯ-ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ-ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ- ข้าราชการการเมือง ส.ส., ส.ว.

4.รายได้ผู้มีสิทธิลงทะเบียนบัตรคนจน 2565 หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (รอบใหม่)-รายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท บุคคลและครอบครัว รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท 5.ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตรและตราสารหนี้ภาครัฐ-ทรัพย์สินทางการเงินต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท/บุคคล-ครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยต่อคนต่อปี ไม่เกิน 100,000 บาท 6.ไม่มีวงเงินกู้หรือ มีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์-วงเงินกู้บ้านไม่เกิน 1.5 ล้านบาท-วงเงินกู้รถไม่เกิน 1 ล้านบาท

7.ต้องไม่มีบัตรเครดิต โดยการลงทะเบียนรอบใหม่นี้ ได้ตรวจสอบเกณฑ์ครอบครัว ทั้งของผู้ลงทะเบียนและครอบครัว เพื่อลบคำครหา ยกตัวอย่าง สามีทำงานนอกบ้าน ภรรยาเป็นแม่บ้านครอบครัวมีฐานะ มีที่ดิน รถยนต์ ส่งลูกเรียนหนังสือในโรงเรียนดัง แต่ถือบัตรสวัสดิการคนจน ดังนั้นเกณฑ์การตรวจสอบครอบครัว จึงเข้มข้นมาก

และ 8.ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กำหนดไว้

โดยขณะนี้โครงการสวัสดิการแห่งรัฐ กำลังถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงของหลายพรรคการเมือง

โดยเฉพาะในฝั่งของรัฐบาล พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายก รัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศชัดถ้อยชัดคำว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรประชารัฐนั้น เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ และกำลังพิจารณาเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้เป็น 700 บาท และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสิทธิต่างๆในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่

นั่นเป็นเพราะว่า จำนวนผู้ที่มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐหลักเกือบ 21.45 ล้านคนนั้น นับเป็นฐานเสียงสำคัญที่ทุกพรรคการเมืองต่างคาดหวัง

ดังนั้น ต้องรอลุ้นกลเม็ดหมัดเด็ดของพรรคการเมือง ว่าจะชูสิทธิใดจูงใจกลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่!!!

ดวงพร อุดมทิพย์


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ