ถอดรหัส "จีนไทยมิใช่อื่นไกล...พี่น้องกัน" ผ่านมุมมองคมกริบ "พินิจ จารุสมบัติ"

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ถอดรหัส "จีนไทยมิใช่อื่นไกล...พี่น้องกัน" ผ่านมุมมองคมกริบ "พินิจ จารุสมบัติ"

Date Time: 15 ม.ค. 2566 05:30 น.

Summary

  • หลังวางมือทางการเมืองจากตำแหน่งสำคัญๆระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 8 สมัย “พินิจ จารุสมบัติ” ขออุทิศตัวมารับบทบาท ประธานสภาวัฒนธรรมไทย–จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์

Latest

5 วิชา “การเงิน การลงทุน” ต้องรู้! เป็นหนี้อย่างไร? ให้มี “เงินเก็บ” เกษียณแบบมีรายได้

หลังวางมือทางการเมืองจากตำแหน่งสำคัญๆระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 8 สมัย “พินิจ จารุสมบัติ” ขออุทิศตัวมารับบทบาท ประธานสภาวัฒนธรรมไทย–จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ เพื่อทำหน้าที่เป็นสะพานเล็กๆเชื่อมสัมพันธภาพระหว่างไทย-จีน ให้มั่นคงแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเสริมใยเหล็ก

“บทบาทหลักของสภาวัฒนธรรมไทย–จีน คือทำหน้าที่เป็นสะพานเล็กๆ แต่เป็นสะพานที่ใช้เสาศิลาปักอยู่อย่างคงทนและมั่นคงในการเชื่อมสัมพันธภาพระหว่างไทย–จีน วันนี้เราอ่านอนาคตจากความจริงว่าจีนคือตลาดการค้า จึงต้องเร่งพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น ต้องพยายามเสริมสร้างมิตรภาพไม่ให้มีช่องโหว่ ต้องสนับสนุนให้มีการไปมาหาสู่พูดคุยกัน แลกเปลี่ยน สัมนา จัดโรดโชว์ และแนะนำสินค้า วันนี้รัฐบาลจีนประกาศแก้ปัญหาความยากจนให้หมดสิ้น และกำลังยกระดับคนมีกินมีใช้ให้แบ่งปันอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน หมายความว่าประชาชนชาวจีนที่มีรายได้ปานกลางจะพ้นจากความยากจนขึ้นมาอีก 800–900 ล้านคน ฉะนั้นอำนาจการซื้อจะใหญ่มาก ความต้องการสินค้า อาหาร ผลไม้ และเนื้อสัตว์ ย่อมส่งผลมาถึงประเทศไทย เราจะยกระดับเศรษฐกิจ ตัวเลขการค้าระหว่างไทยกับจีนให้มากขึ้น จากขณะนี้ 2 แสนล้านเหรียญ ให้เป็น 5 แสนล้าน และเป็นล้านล้านในอีก 1–2 ปีข้างหน้า เมื่อมีเป้าหมายแล้วก็ต้องแบ่งหน้าที่กันไป ใคร
ไปมณฑลไหนเมืองไหน จะนำผลิตภัณฑ์อะไร ผลไม้พืชผลทางการเกษตรประเภทไหนไปบุกตามมณฑลต่างๆ เราต้องร่วมมือกับจีนพัฒนาความสัมพันธ์แบบก้าวกระโดด โดยเน้นด้านเศรษฐกิจการลงทุนทุกมิติ”

ทำไมประชาชนส่วนใหญ่ให้การสนับสนุน “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง”

ภายใต้การบริหารของ “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” จีนสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนภายในประเทศได้อย่างสิ้นเชิง การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนทำให้ประชาชน 1,400 ล้านคน มีกินมีใช้ได้นั้นเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก เพราะแค่ทำให้ประชาชนมีปัจจัยสี่ มีหลักประกันด้านสาธารณสุข การศึกษา ไฟฟ้า และน้ำประปา ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังทำให้ชาวจีนมีชีวิตสงบสุขร่มเย็น ไร้ความเครียด และมีความปลอดภัยสูง ไม่เหมือนหลายประเทศในโลกที่ประชาชนมีความเครียดมาก ผลงานการบริหารประเทศของ “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” ประชาชนจับต้องได้และได้ประโยชน์มากมาย นอกจากเรื่องเทคโนโลยี อุตสาหกรรม ชีวิตความเป็นอยู่แล้ว ยังให้ความสำคัญกับเรื่องศิลปวัฒนธรรม และการรักษาเอกลักษณ์ความเป็นจีน ทุกวันนี้ชาวโลกต่างตกตะลึงกับการพัฒนาของจีน ที่สามารถทำให้ประชาชน 1,400 ล้านคน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ขณะเดียวกันก็ได้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไปยังประชาคมโลก โดยเฉพาะประชาชนในประเทศที่ยากจน เห็นได้จากการต่อสู้กับโควิด-19 จีนมีบทบาทอย่างมากในการให้ความช่วยเหลือทั้งด้านวัคซีนและอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนส่งบุคลากรทางการแพทย์ไปช่วยเหลือนานาประเทศ ซึ่งได้รับความชื่นชมอย่างมากจากชาวโลก

การที่ “ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” ออกนอกประเทศมาร่วมประชุมผู้นำเอเปก ตั้งใจสื่อสารอะไรถึงประชาคมโลก?

เป็นเครื่องชี้ว่าผู้นำจีนมีความมั่นใจแล้ว ถึงออกนอกประเทศได้ การเดินทางมาร่วมประชุมเอเปกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เป็นการตอกย้ำถึงท่าทีของจีนในการสนับสนุนผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก โดยจีนถือเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ผู้นำจีนได้หารือกับประเทศสมาชิกเอเปกเกี่ยวกับลู่ทางการรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางเศรษฐกิจของภูมิภาค และหารือกับบรรดาผู้นำเขตเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกี่ยวกับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ รวมทั้งหารือกับผู้นำเขตเศรษฐกิจในหมู่เกาะแปซิฟิกเกี่ยวกับพิมพ์เขียวการพัฒนาที่ยั่งยืน บทบาทของจีนต่อเอเปกยังมุ่งเน้นการริเริ่มสร้างจิตสำนึกชุมชนที่มีอนาคตร่วมกัน โดยดำเนินความร่วมมือแบบหุ้นส่วนให้ลึกซึ้งขึ้น การที่จีนแสดงท่าทีในเอเปก ด้วยการยืนหยัดหลักการที่จะสร้างความร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อได้รับชัยชนะร่วมกัน ทำให้ภาพลักษณ์ของจีนเป็นที่ยอมรับจากเขตเศรษฐกิจอื่นๆมากขึ้น และพัฒนาไปสู่การเป็นแกนนำของโลกขั้วใหม่ ซึ่งมีประเทศใหญ่ๆให้การสนับสนุน

เหตุใดไทยกับจีนจึงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นราวกับพี่น้อง

นับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 ความสัมพันธ์ไทย-จีนก็มีความใกล้ชิดมาตลอด มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับ และขยายความร่วมมือเชิงลึกในทุกมิติ การเสด็จฯเยือนจีนของพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย ก็มีส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนให้แน่นแฟ้นขึ้น รวมทั้งส่งเสริมมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จีนถือเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย และตลาดนักท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของไทย การเดินทางมาร่วมประชุมเอเปกด้วยตัวเองของผู้นำจีน จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างความอบอุ่นระหว่างไทย-จีน ในฐานะที่เป็นพี่น้องกันและมิตรแท้ยามยาก

สถานการณ์ประเทศจีนในปัจจุบันเป็นอย่างไร

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น จนถึงวันนี้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการจัดการเกี่ยวกับโควิด-19 สู่ระดับ Category B จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ Category A ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด โดยทางการจีนได้ยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 หลังจากมีการบังคับใช้มานาน 3 ปี เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันก็อนุญาตให้พลเมืองจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ จากตัวเลขทางการของจีนระบุว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพียง 5,246 ราย นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในปี 2563 ตรงนี้สะท้อนถึงประสิทธิภาพของรัฐบาลจีนในการรับมือกับไวรัสโควิด-19

มีความพยายามจากชาติตะวันตกที่จะดิสเครดิตจีนอย่างต่อเนื่อง?

รัฐบาลจีนออกมายืนยันหลายครั้งถึงความโปร่งใสในการรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับโควิด-19 ในประเทศ หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อตะวันตกเกี่ยวกับการรายงานตัวเลขผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโควิด-19 ของจีน นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในปี 2563 จีนได้แบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้วยความโปร่งใสต่อประชาคมโลกและองค์การอนามัยโลก รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการเรียงลำดับพันธุกรรมของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในทันที ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาวัคซีนและยาในประเทศต่างๆ การที่ทางการจีนเลือกใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์ เพราะมีประชากรมากถึง 1,400 ล้านคน พื้นที่กว้างใหญ่ ถ้าการบริหารจัดการไม่เด็ดขาด และขาดประสิทธิภาพ การป้องกันการแพร่ระบาดจะทำได้ยากขึ้น ฉะนั้นทางการจีนจึงเลือกวิธีบล็อกพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว จนก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง จีนทำได้ดีมาก ถึงขนาดได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลกว่าจัดการเรื่องนี้ได้ดีที่สุด มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 น้อยที่สุดในโลก และสามารถประคับประคองให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด การใช้มาตรการปิดล็อกพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดไม่ให้มีคนเข้าออก ทำให้ประหยัดทรัพยากร ประหยัดเรื่องยาและเครื่องมือทางการแพทย์ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ประชาชนไปไหนมาไหนไม่ได้ เพราะจีนเข้มงวดเด็ดขาดมาก และจัดการบริหารอย่างเป็นรูปธรรมตามความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่ คนจีนทั้งประเทศฉีดวัคซีนเชื้อตาย และเวลาที่เจ็บป่วยนิยมใช้การแพทย์แผนจีน มากกว่าไปรักษาแผนปัจจุบันในโรงพยาบาล จะไปพูดว่าวัคซีนจีนไม่ดี พูดไม่ได้ คนจีนทั้งประเทศฉีดวัคซีนจีนพันกว่าล้านคน วันนี้ไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยแล้ว คุมอยู่ทั้งหมด แสดงว่าได้ผลดี ถ้าไม่มีมาตรฐานพอเขาคงไม่กล้าเอาออกมา เพราะผลกระทบจะตามมามาก ต้องเน้นว่าวัคซีนที่ออกมาเป็นวัคซีนฉุกเฉินในภาวะวิกฤติ ในระดับโลกมีการเมืองระหว่างค่ายตะวันตกและตะวันออก พยายามใช้วัคซีนเป็นเครื่องมือห้ำหั่นและแสวงหาผลประโยชน์ เราต้องใช้วิจารณญาณในการติดตามข่าวสารข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรม

หลังทางการจีนผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์และอนุญาตให้พลเมืองจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ ไทยควรวางบทบาทอย่างไร

หลายประเทศคาดหวังการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่บางประเทศหวาดระแวงว่าโรคระบาดระลอกใหม่จะมาพร้อมนักท่องเที่ยวจีน การที่ประเทศไทยประกาศจุดยืนชัดเจนว่าจะใช้มาตรการป้องกันโรคที่เท่าเทียมกันกับนักเดินทางจากทุกประเทศ โดยไม่เลือกปฏิบัติ ถือว่าได้ใจคนจีนมาก เราควรใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวตัดสิน การที่เราจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนจีน ซึ่งปิดประเทศมานาน มันทำให้เชื้อที่วนเวียนอยู่ในประเทศจีนยังไม่ได้กลายพันธุ์ไปมากมายขนาดนั้น ตรงกันข้ามเชื้อที่เราต้องกลัวมากกว่าคือเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดอยู่ในยุโรปและอเมริกา ช่วงไตรมาสหนึ่งและไตรมาสสองที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเยอะ สิ่งที่เราต้องทำคือการรักษาระยะห่าง, หมั่นล้างมือ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง อย่าไปกลัวนักท่องเที่ยวประเทศใดประเทศหนึ่งเกินกว่าเหตุ หลายประเทศออกมาพูดว่าห้ามนักท่องเที่ยวจีน หรือคนที่เดินทางจากจีนเข้าประเทศ การส่งสัญญาณแบบนี้มันเกินกว่าเหตุและทำให้เกิดความตื่นกลัว ใครทำท่ารังเกียจนักท่องเที่ยวจีนบอกเลยว่าคุณกำลังเสียโอกาสอย่างมาก ทั้งๆที่เชื้อที่ระบาดในจีนเป็นเชื้อที่คนไทยส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว ตรงกันข้ามนักท่องเที่ยวตะวันตกต่างหากอาจมีเชื้อที่น่ากลัวกว่า เนื่องจากพวกเขาเปิดประเทศมานาน และลดการ์ดลงไปเกือบจะสมบูรณ์ ในโลกตะวันตกการกลายพันธุ์ของเชื้อโรคเกิดขึ้นมากกว่า ฉะนั้น ไทยเราไม่ควรเลือกปฏิบัติกับประเทศใดประเทศหนึ่งเด็ดขาด เพื่อไม่ให้สูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เทศกาลตรุษจีนกำลังจะมาถึง เชื่อมั่นว่าการท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยไทยจะยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับต้นๆของนักท่องเที่ยวชาวจีนแน่นอน.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ