ครม.อนุมัติส่งท้ายปีเสือสารพัดมาตรการลดหย่อนทั้งภาษีรักษ์โลก-บริจาคสถาบันการศึกษา-ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้ สสว.เพิ่มวงเงินบัตรคนจนอีก 200 บาท/ คน เป็นระยะเวลา 1 เดือน ในเดือน ม.ค.2566 ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเกษตรกร
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (27 ธ.ค.65) ได้เห็นชอบมาตรการภาษีสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อช่วยให้ประเทศไทยบรรลุข้อเสนอการมีความร่วมการลดก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี 2573 ประกอบด้วย 1.มาตรการส่งเสริมโครงการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่เกิดจากการขายคาร์บอนเครดิตในประเทศ โดยบริษัทจะต้องขึ้นทะเบียนไว้กับองค์การบริหารจัดการเรือนกระจก (องค์การมหาชน) จะมีผลตั้งแต่วันพระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2570 หรือ 3 รอบบัญชีต่อเนื่อง 2.มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการภาษีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้กรมป่าไม้ให้นำเงินบริจาคมาหักลดหย่อนภาษีได้ และต้องบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2566-31 ธ.ค.2570 โดยหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่นๆแล้ว
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนผู้บริจาคให้แก่สถานศึกษา ผ่านระบบ e-Donation ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565-31 ธ.ค.2567 ให้ได้รับสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายได้ 2 เท่า เพื่อให้เอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการจัดการศึกษาของประเทศ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้บริจาคในการลดภาระการจัดเก็บเอกสาร โดยการบริจาคให้สถานศึกษาที่จะได้สิทธิลดหย่อนหรือหักรายจ่าย 2 เท่า คือ 1.สถานศึกษารัฐ 2.โรงเรียนเอกชนแต่ไม่รวมโรงเรียนนอกระบบ 3.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน 4.สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศ ไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนาญพิเศษแห่งสห ประชาชาติ 5.สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะในส่วนการให้กู้ยืมเงินตามโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รายย่อยให้กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่ให้กู้เงินผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ขาดสภาพคล่อง และเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า มาตรการภาษีดังกล่าวรัฐจะสูญเสียรายได้ 2,187 ล้านบาท แต่ผลที่ได้รับนั้นถือว่าได้มากกว่าการสูญเสียรายได้ เพราะแต่ละมาตรการช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และยังได้มีส่วนช่วยเหลือสังคมผ่านการบริจาค และช่วยเหลือเอสเอ็มอี
วันเดียวกัน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือน ม.ค.2566 โดยอนุมัติงบกลาง
2,644 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้มีบัตร จำนวน 13.2 ล้านคน โดยเป็นการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 200 บาท/คน เป็นระยะเวลา 1 เดือน ประจำเดือน ม.ค.2566 โดยผู้มีบัตรที่เคยได้รับวงเงิน 200 บาท/คน/เดือน จำนวน 3.54 ล้านคน จะได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 400 บาท/คน/เดือน ส่วนผู้มีบัตรที่เคยได้รับวงเงิน 300 บาท/คน/เดือน จำนวน 9.68 ล้านคน จะได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 500 บาท/คน/เดือน
“มาตรการช่วยเหลือพิเศษนี้เป็นของขวัญปีใหม่ 2566 จากรัฐบาล ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและร้านอื่นๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด”
ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ครม.ยังอนุมัติโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทยระยะที่ 2 วงเงิน 50,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมตามแนวทางโมเดลเศรษฐกิจใหม่สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนให้แก่เกษตรกร กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สถาบันการเงินประชาชน สถาบันการเงินชุมชน รวมถึงลูกค้าสมาร์ทฟาร์มเมอร์ เป็นต้น อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ช่วง 3 ปีแรก.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง