นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรอบใหม่ที่จะประกาศใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2566-31 ธ.ค.2569 โดยราคาประเมินที่ดินมีอัตราการเปลี่ยนแปลงราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยทั้งประเทศ ประมาณ 8.93% และราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้น เฉลี่ยประมาณ 6.21% เมื่อเทียบกับรอบบัญชีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งใช้มาเป็นระยะเวลา 7 ปี โดยที่กรุงเทพมหานครมีอัตราการเปลี่ยนแปลงราคาประเมินที่ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 2.76 และราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.60%
ทั้งนี้ ในปีภาษี 2566 จะใช้ราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รอบบัญชี พ.ศ.2566-2569 นี้ไปใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 ซึ่งจากข้อมูลที่ผ่านมา มีจำนวนการจดทะเบียนซื้อขายเฉลี่ยปีละประมาณ 7 ล้านแปลง คิดเป็น 20% จากจำนวนแปลงที่ดินทั้งหมด ซึ่งหากประชาชนที่เป็นเจ้าของที่ดินใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นเกษตรกรรมหรือเป็นที่อยู่อาศัย (บ้านหลังหลัก) มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งถือว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบ แต่จะได้รับผลกระทบกับประชาชนผู้ที่ถือครองที่ดินที่มีจำนวนมาก สำหรับผู้เช่าที่ราชพัสดุยังจะต้องจ่ายค่าภาษี ซึ่งไม่ได้รับการยกเว้น
“จากเดิมจะมีการประกาศบัญชีราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตาม พ.ร.บ.การประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ.2562 แล้ว ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.2564 แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบโดยรวมต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ต้องเลื่อนการบังคับใช้ มาเป็น 1 ม.ค.66 เพื่อลดภาระกับประชาชนที่จะต้องนำราคาประเมินไปใช้เป็นฐานใน การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งภาษีอากรและค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในช่วงนั้น”.