นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการส่งมอบทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออก หรือท่อส่งน้ำอีอีซีว่า กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างเจรจาหาข้อยุติกับ 3 ฝ่าย คือ กรมธนารักษ์, บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ผู้รับสัมปทานรายใหม่ และบริษัท จัดการและการพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์วอเตอร์ ผู้รับสัมปทานรายเดิม เนื่องจากอีสท์วอเตอร์แจ้งว่า การส่งมอบทรัพย์สิน จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ขณะที่วงษ์สยามยืนยันว่าไม่มีปัญหา สามารถให้บริการผู้ใช้น้ำได้ต่อเนื่อง
“เมื่อวงษ์สยามยืนยันไม่มีปัญหา มีความพร้อมรับมอบ แต่อีสวอเตอร์บอกมีปัญหา กรมธนารักษ์ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินก็ต้องเรียกทั้ง 2 รายมาคุยกันให้ได้ข้อยุติ หากไม่มีข้อยุติภายในปีนี้ กรมธนารักษ์ก็ต้องหามาตรการทางปกครองมาบังคับ เพราะหากล่าช้าและมีปัญหายืดเยื้อกรมธนารักษ์จะเสียประโยชน์ เนื่องจากตามเงื่อนไขสัญญาวงษ์สยาม จะจ่ายส่วนแบ่งให้รัฐ 27% ของรายได้จากการให้บริการน้ำ ขณะที่อีสท์วอเตอร์จ่ายส่วนแบ่งให้รัฐ 3-7% ทำให้มีส่วนต่างที่หายไป 20% นอกจากนี้ ยังมีรายรับที่จะได้รับเมื่อส่งมอบทรัพย์สินให้วงษ์สยามก่อสร้างเรียบร้อยอีก 870 ล้านบาท เมื่อส่งมอบไม่ได้ กรมก็จะไม่ได้รับรายได้ดังกล่าว ซึ่งถือว่าทำให้รัฐเสียหาย”
สำหรับโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี กรมธนารักษ์ได้ลงนามกับวงษ์สยามในฐานะผู้ชนะประมูลในราคา 25,693 ล้านบาท กลายเป็นผู้รับสัมปทานรายใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ย.65 ที่ผ่านมา ระยะเวลาสัญญา 30 ปี โดยแบ่งผลตอบแทนดังนี้ 1.ค่าแรกเข้า 1,450 ล้านบาท ชำระครั้งแรกในการเซ็นสัญญา 580 ล้านบาท และเมื่อส่งมอบทรัพย์สินอีก 870 ล้านบาท 2.ผลประโยชน์ตอบแทน 2,908 ล้านบาท และ 3.ส่วนแบ่งรายได้ 21,335 ล้านบาท.