นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 29 พ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ 66 ที่จะมอบให้กับประชาชน โดยจะมีโครงการ “New Year Grand Sale 2023” ซึ่งจะมีสินค้าและบริการจำนวนมากมาลดราคาขาย, ลดค่าธรรมเนียมการให้บริการต่างๆของกระทรวงพาณิชย์, ผลักดันประกันรายได้เกษตรกรและมาตรการคู่ขนานให้ครบ 5 ชนิดพืชเศรษฐกิจ คือ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา รวมถึงจะมีความร่วมมือ จากผู้ให้บริการต่างๆ เช่น สายการบินจัดโปรโมชันตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ โปรโมชันพิเศษจากฟู้ดดีลิเวอรี เป็นต้น “แพ็กเกจปีใหม่จะเริ่มตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.65 ถึงสิ้นเดือน ม.ค.66 เพื่อลดภาระประชาชนในช่วงปีใหม่ยาวถึงตรุษจีนปีหน้า”
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครม. วันที่ 29 พ.ย.นี้ วาระสำคัญที่ต้องจับตาคือ การเสนอแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ โดยคาดจะเสนอให้พิจารณาเป็น 2 ส่วน คือ มาตรการทางภาษีกับมาตรการหน่วยงานรัฐ และมาตรการจากสถาบันการเงินรัฐ โดยมาตรการที่จะเป็นตัวชูโรง คือ ช็อปดีมีคืน ที่จะเปิดให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการ มาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง วงเงินสูงสุด 40,000 บาท เป็นวงเงินซื้อสินค้าและบริการไม่เกิน 30,000 บาท และเพิ่มเติมสำหรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์อีก 10,000 บาท เริ่มวันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.66 คาดว่ากรมสรรพากรจะสูญเสียรายได้กว่า 8,200 ล้านบาท แต่จะเกิดเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 56,000 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจได้กว่า 0.1-0.2%
ส่วนมาตรการอื่น เช่น ขยายเวลาลดภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่นที่ใช้ในประเทศเหลือลิตรละ 0.20 บาท จากเดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค.65 และต้องจับตามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้มีรายได้น้อย บัตรคนจน รวมถึงกลุ่มเปราะบาง ขณะที่มาตรการสถาบันการเงินรัฐ เช่น การให้รางวัลพิเศษสำหรับสลากออมสิน มอบของขวัญปีใหม่สำหรับลูกค้าสินเชื่อที่มีวินัย ผ่อนชำระดีจะได้รับเงินคืนเข้าบัญชี 500-1,000 บาท นอกจากนี้ คลังอยู่ระหว่างพิจารณาขยายเวลามาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่อยู่อาศัย ที่จะสิ้นสุดปลายปีนี้ออกไปอีก 1 ปี.