ธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮมสดใส ดันไทยขึ้นศูนย์กลางธุรกิจดูแลผู้สูงอายุโลก

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮมสดใส ดันไทยขึ้นศูนย์กลางธุรกิจดูแลผู้สูงอายุโลก

Date Time: 11 พ.ย. 2565 05:01 น.

Summary

  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ดันธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮม เติบโตต่อเนื่อง จับมือสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย เปิดคอร์สอบรมผู้ประกอบธุรกิจ

Latest

เปิดคำตีความคณะกรรมการกฤษฎีกา “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ขาดคุณสมบัติ!

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ดันธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮม เติบโตต่อเนื่อง จับมือสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย เปิดคอร์สอบรมผู้ประกอบธุรกิจให้เป็นมืออาชีพ มั่นใจไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจนี้ได้แน่

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทยอย่างเต็มรูปแบบในปัจจุบัน ช่วยผลักดันให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ (เนอร์สซิ่งโฮม) เติบโตเพิ่มมากขึ้น และมีการจัดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี โดยปี 60 จัดตั้งใหม่ 80 ราย ทุนจดทะเบียน 100.95 ล้านบาท ปี 61 จำนวนจัดตั้ง 80 รายเท่าเดิม แต่ทุนเพิ่มขึ้นเป็น 107.55 ล้านบาท ส่วนปี 62 จัดตั้ง 115 ราย ทุน 412.11 ล้านบาท, ปี 63 จัดตั้ง 118 ราย ทุน 259.74 ล้านบาท, ปี 64 จัดตั้ง 116 ราย ทุน 465.40 ล้านบาท และ ปี 65 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. จัดตั้ง 88 ราย ทุน 317.51 ล้านบาท ส่งผลให้มีธุรกิจดังกล่าวคงอยู่ทั้งสิ้น 654 ราย ทุน 3,955.80 ล้านบาท

ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาด หรือรายได้เฉลี่ย 5 ปี หรือตั้งแต่ปี 60-64 อยู่ที่ 854.23 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 60 รายได้รวม 499.33 ล้านบาท, ปี 61 อยู่ที่ 829.44 ล้านบาท, ปี 62 อยู่ที่ 1,066.91 ล้านบาท, ปี 63 อยู่ที่ 613.03 ล้านบาท และ ปี 64 อยู่ที่1,262.48 ล้านบาท ส่วนปี 65 คาดว่า จะแตะที่ 1,500 ล้านบาท

“ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจดูแลผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก และยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด ผนวกกับตลาดผู้สูงอายุถือเป็นตลาดที่มีความท้าทาย เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง มีความพร้อมในการจ่ายค่าบริการ หากได้รับการบริการที่ดี และถูกใจ และพร้อมบอกต่อถึงการบริการที่ดีกับบุคคลใกล้ชิดหรือรู้จัก ซึ่งเป็นการขยายตลาดและประชา สัมพันธ์ทางอ้อมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ”

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจจำเป็นต้องเข้าใจอุปนิสัย ความต้องการที่หลากหลาย และการปรับเปลี่ยนที่พร้อมเกิดขึ้นตลอดเวลาของผู้ใช้บริการ โดยต้องศึกษา/เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจให้สอดรับแต่ละช่วงวัยของผู้บริโภคที่มีความแตกต่างด้านความคิด ความเชื่อ วัฒนธรรม และค่านิยม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำความสำเร็จมาสู่ธุรกิจ ดังนั้น กรมจึงได้ร่วมมือกับสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย อบรมผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุไทยให้เป็นมืออาชีพ ภายใต้โครงการ Smart Senior Care Business เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้ปรับตัวและรับมือกับข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

สำหรับการอบรมดังกล่าว เน้นการเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ การจัดทำแผนธุรกิจ บัญชี ภาษี กฎหมาย การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆมาปรับใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจและสื่อสารการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของธุรกิจได้ โดยมีผู้ประกอบธุรกิจผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมอบรมกว่า 100 ราย มั่นใจว่า ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำด้านธุรกิจดูแลผู้สูงอายุระดับโลกได้ เพราะคนไทยมีหัวใจรักบริการและมีระบบการบริหารจัดการธุรกิจที่ได้มาตรฐานเทียบเท่าสากล

“ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุของไทยยังคงมีพื้นที่ในตลาดอีกมาก และพร้อมเปิดรับนักลงทุนทั้งรายเก่าและรายใหม่เข้ามาร่วมลงทุน และส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจดูแลผู้สูงอายุของโลก ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ