ปตท.ประกาศแผน Net Zero 2050 หรือปี พ.ศ.2573 ลุยปลูกป่าเพิ่มอีก 1 ล้านไร่ ให้เป็นปอดเพื่อลูกหลานคนไทย ผนึกกำลังกลุ่ม ปตท. สร้างสังคมคาร์บอนต่ำเพื่อคนไทยอย่างยั่งยืน กำหนด “เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 ชี้ปีหน้าราคาน้ำมันโลกอยู่ที่ 85-90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท.ได้ประกาศเจตนารมณ์ กลุ่ม ปตท.ตั้งเป้าหมายระยะสั้นถึงระยะยาว มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 15% ภายในปี 2050 หรือปี พ.ศ.2573 บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2583 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) หรือเน็ต ซีโร่ ภายในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายของประเทศไทย
แผนยุทธศาสตร์มีกลยุทธ์ ตัวชี้วัด และแผนปฏิบัติการรองรับ พร้อมผนึกความร่วมมือจุดแข็งธุรกิจที่กลุ่ม ปตท.ได้จัดตั้งคณะทำงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือกลุ่ม ปตท. (PTT Group Net Zero Task Force หรือ G-NET) เพื่อกำหนดกลยุทธ์เชิงรุก ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน 3 แนวทางหลัก (3P) อาทิ Pursuit of Lower Emissions หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด ผ่านโครงการสำคัญ เช่น การดักจับและกักเก็บคาร์บอนได ออกไซด์ (CCS) ในพื้นที่บริเวณทะเลอ่าวไทย และพื้นที่บนฝั่งในภาคตะวันออก
“ภายใต้ความร่วมมือ PTT Group CCS Hub Model ที่ระดมเทคโนโลยีของกลุ่ม ปตท. เพื่อบริหารการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกร่วมกัน การนำคาร์บอนไดออกไซด์ไปใช้ประโยชน์สูงสุด (CCU) ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อลดการปลดปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ การปรับปรุงการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงแยกก๊าซธรรมชาติ”
ทั้งนี้ ปตท.มั่นใจว่าวิธีการเหล่านี้จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงถึง 30% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ขณะที่ Portfolio Transformation คือ การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาด และการเติบโตในธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน สอดคล้องตามการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ โดยกำหนดสัดส่วนเป้าหมายระยะยาว 10 ปี ที่ 32% ของงบการลงทุน ที่จะเป็นกลไกสำคัญลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 50% เป็นต้น
ขณะที่ตั้งแต่ปี 2537 ปตท.ได้ฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมทั่วประเทศ 1.1 ล้านไร่ ปัจจุบันพื้นที่ป่าเหล่านี้ยังมีสภาพป่าสมบูรณ์ 80% ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2.14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สร้างประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของชุมชนได้ 280 ล้านบาทต่อปี ซึ่งกลุ่ม ปตท.ได้มุ่งปลูกป่าเพิ่มเติม รวม 2 ล้านไร่ ภายในปี 2573 แบ่งเป็น ปตท. 1 ล้านไร่ และความร่วมมือบริษัทในกลุ่ม ปตท. 1 ล้านไร่
“ราคาพลังงานปี 2566 มีแนวโน้มดีขึ้น คาดว่าราคาน้ำมันดิบปีหน้าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 85-90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาเรล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย น้อยกว่าปีนี้ที่คาดว่าราคาน้ำมันในช่วงสิ้นปีนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 90-100 ดอลลาร์ฯ”
ล่าสุดกลุ่มผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปก) พยายามลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ความต้องการบริโภคลดลง ทำให้ราคาตลาดโลกลดลงในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้ง 2 ปัจจัย ส่งผลให้ราคาปรับขึ้น หรือลดลงแบบผันผวน แต่ ปตท.มีแผนสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยการสต๊อกน้ำมันตามกฎหมายในช่วงที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนมีความรุนแรงตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา รวม 4 ล้านบาร์เรล ซึ่งปัจจุบันได้ทยอยนำออกมาใช้ เพราะมองว่าปัจจัยเรื่องของการขาดแคลนจะไม่เกิดขึ้น.