ความยั่งยืน (Sustainability) ปัจจุบันได้กลายเป็นนโยบายสำคัญขององค์กรเอกชนที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมที่จะต้องดำเนินธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนโดยไม่ได้ยึดเป้าหมายถึงการทำกำไรสูงสุดเพียงด้านเดียว แต่ต้องมองไปถึงการสร้างคุณค่าในระยะยาวในทุกมิติ
การพัฒนาอย่างยั่งยืน หากจะอธิบายง่ายๆ เป็นการพัฒนาการตอบสนองของความต้องการของผู้คนในยุคปัจจุบัน แต่ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการตอบสนองความต้องการของคนรุ่นหลังลดน้อยลง
ในประเทศไทยได้มีบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือจีซี, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกันจัดงาน Sustainability Expo งานเอ็กซ์โปที่จัดเกี่ยวกับความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เพื่อให้ทุกคนและทุกภาคส่วนเข้าถึงได้ง่าย
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดงาน Sustainability Expo 2022 (SX2022) ในปีนี้เป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จะเน้นการจัดงานเป็นระดับนานาชาติ มีความเป็นสากลมากขึ้น ระหว่างวันที่ 26 ก.ย.–2 ต.ค.65 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บนพื้นที่จัดแสดง 40,000 ตารางเมตร
แนวคิดในการจัดงานดังกล่าวในรูปแบบพอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก (Sufficiency for Sustainability) อันเป็นการน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป มาเผยแพร่ ส่งเสริมให้ประชาชนและองค์กรต่างๆร่วมกันสานต่อพระราชดำริให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป
รวมถึงยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศไว้ด้วย
นายฐาปน กล่าวว่า ในอดีตหากจะพูดในเรื่องของความยั่งยืน คนเราจะมองและเน้นในมุมปัจเจกบุคคลเป็นหลัก มองว่าทำแบบนี้อนาคตของตนเองจะเป็นอย่างไร ทำไปเพื่อความสุขสบายในชีวิตตนเองวันข้างหน้า แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เริ่มมีแนวคิดที่มองต่าง โดยหันมามองและให้ความสำคัญเรื่องส่วนรวมมากขึ้น อาทิ คนรุ่นก่อนทิ้งขยะไว้แบบนี้ ทำแบบนี้ไว้แล้ว ในอนาคตถึงรุ่นพวกเขาจะมีผลกระทบส่งต่อมาอย่างไรบ้าง ทางแก้คือต้องคิดหาวิธีรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพื่อได้สิ่งแวดล้อมที่ดี โลกที่น่าอยู่ ส่งต่อไปสู่คนรุ่นต่อๆไป
“วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องหันมาใส่ใจเรื่องการอยู่ร่วมกัน ทำโลกใบนี้ให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม อีกทั้งแนวคิดที่น่าสนใจที่แต่ละองค์กรไม่ควรมองข้ามคือ B2C2B หรือ Business– to–Customer–Business ที่วันนี้ต้องให้ลูกค้าเป็นแกนกลางที่สะท้อนในทุกๆด้านกับมาที่บริษัท รู้เข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในงาน SX2022 และทางไทยเบฟฯ เองก็นำแนวคิดนี้มาใช้ในการพัฒนาองค์กรเช่นกัน”นายฐาปน กล่าว
ทั้งนี้ งาน SX 2022 ในครั้งนี้จะมีไฮไลต์ในด้านการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายด้านความรู้ โครงการต่างๆ แนวคิดที่น่าสนใจรวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อช่วยให้องค์กรและประชาชนได้ร่วมกันสร้างความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
อีกทั้งภายในงานยังมีกิจกรรมเวิร์กช็อปที่ส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาความยั่งยืน การบรรยายและให้ความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 รายทั่วโลก บริษัทและองค์กรชั้นนำของไทยและต่างประเทศกว่า 100 แห่ง มาร่วมให้ความรู้ในงานนี้
สำหรับโซนต่างๆในงานแบ่งเป็น 7 โซนหลัก ประกอบด้วย 1.เศรษฐกิจพอเพียงและแรงบันดาลใจ 2.Better Living 3.Better Community 4.Better Me 5.Food Festival 6.Planet Kids และ 7.Sustainable Marketplace
สำหรับการจัดงาน SX2022 ครั้งนี้ คาดหวังมีประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงาน 10,000 คนต่อวัน รวมจัดงาน 7 วัน มีผู้เข้างานรวม 70,000 คน รวมถึงชมงานผ่านช่องทางออนไลน์อีก 1 ล้านคน เพื่อเข้ามาร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะร่วมช่วยกันสร้างความยั่งยืนในอนาคตต่อไป.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th