ส.อ.ท.หวั่นน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจจะกระทบห่วงโซ่การผลิตฉุดส่งออก แนะรัฐบาล บริหารจัดการภาพรวมหลังสัญญาณโลกรวน เตือนแรง ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง ทั่วโลก ด้านพาณิชย์สำรวจสต๊อกและราคาวัสดุก่อสร้างช่วงน้ำท่วมพร้อมรับมือความต้องการประชาชน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความกังวลต่อผลกระทบห่วงโซ่การผลิต ในภาคอุตสาหกรรมที่หากเกิดขึ้นรุนแรง จะกระทบต่อการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องมีมาตรการรับมือและป้องกันผลกระทบ การเกิดอุทกภัยในพื้นที่เศรษฐกิจ รวมทั้งควรมีแผนบริหารจัดการน้ำอย่างมีระบบทั้งการป้องกันอุทกภัย เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำรอยปี 2554 และปัญหาภัยแล้ง
“ปีนี้ฝนค่อนข้างมีมากทำให้หลายฝ่ายวิตกว่าอาจจะซ้ำรอยปี 2554 ปัญหานี้อาจจะมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากภาวะโลกร้อนที่กำลัง เป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลกต้องเผชิญ เช่น ปากีสถานเผชิญกับฝนทิ้งระเบิด (Rain Bomb)ขณะที่ประเทศจีน แม่น้ำสำคัญกลับแห้งเหือดและคลื่นความร้อนในยุโรป เหล่านี้ส่งสัญญาณให้กังวลมาก โดย ส.อ.ท.ได้มีการร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อป้องกันผลกระทบในภาพรวมอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ ส.อ.ท.เป็นห่วงพื้นที่ในโซนภาคกลาง เช่น พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และโซนตะวันออกของ กทม.เช่น สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ที่แม้น้ำไม่ท่วมหนัก แต่ก็มีน้ำหลากในพื้นที่บ่อยครั้ง อาจจะกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมในบริเวณดังกล่าวได้ และหากท่วมรอบนิคมอุตสาหกรรมก็จะกระทบต่อภาคการขนส่งที่จะมีผลต่อการส่งออกได้เช่นกัน
นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช ประธานสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ส.อ.ท. กล่าวว่า ปีนี้ยอมรับว่าปริมาณฝนตก ค่อนข้างมาก ซึ่งจากการประสานงานและร่วมเป็นภาคีเครือข่าย เฝ้าระวังพบว่า เขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆเฉลี่ยมีน้ำอยู่ 50% ซึ่งศักยภาพในการรับน้ำจะอยู่ระดับ 90% ดังนั้น ยังมีส่วนที่จะรับมือได้เมื่อฝนมาเพิ่ม ขณะที่การระบายน้ำท้ายเขื่อน ตั้งแต่เหนือลงใต้ในสายน้ำหลักเจ้าพระยาและสายรอง ในภาพรวมมีปริมาณน้ำระดับปานกลาง ซึ่งจากการวิเคราะห์ของนักวิชาการต่างๆ ยืนยันว่าน้ำปีนี้จะไม่ท่วมรุนแรงเหมือนกับกรณีปี 2554
ด้านร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์การจำหน่ายและสต๊อกสินค้า ณ ห้างดูโฮม สาขารังสิต คลอง 7 ซึ่งเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างตั้งอยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่มีน้ำท่วม พบว่า มีการจัดเก็บสต๊อกสินค้าไว้อย่างเต็มที่ และพร้อมส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ทันที ทั้งเหล็ก ปูน ท่อพีวีซี และกระเบื้อง อุปกรณ์ซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
“นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าเป็นจำนวนมาก มีบริการขนส่งสินค้าถึงมือลูกค้า ความร่วมมือของห้าง/ร้านต่างๆ ในการจัดเก็บสต๊อกสินค้าอย่างเพียงพอ จะมีส่วนช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคาและปริมาณสินค้า สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งแอปพลิเคชันไลน์ (@Mr.DIT) จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ หากพบมีการเอาเปรียบประชาชน จะดำเนินการตามกฎหมาย”.