- "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือ "บัตรคนจน" รอบใหม่ปี 2565 เตรียมเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมผ่าน 2 ช่องทาง
- เปิดไทม์ไลน์โครงการ "ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ" ปี 2565
- ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน จะยังคงใช้สิทธิผ่านบัตรได้จนถึงวันสุดท้าย ก่อนที่จะมีการเริ่มใช้สิทธิใหม่ผ่านบัตรประจำตัวประชาชน เฉพาะผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการฯ
หลังจากปล่อยให้รอมานาน โครงการ "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือ "บัตรคนจน" กำลังจะกลับมาเปิดให้ประชาชนได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อรับสิทธิสวัสดิการต่างๆ ซึ่งก็มาพร้อมหลักเกณฑ์ใหม่สุดเข้มงวดในการตรวจสอบผู้มีสิทธิ โดยโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ได้ตั้งวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้ข้อมูลผู้มีรายได้น้อยที่เป็นปัจจุบัน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการสังคมของภาครัฐให้แก่ประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
ไทม์ไลน์โครงการ "ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ" ปี 2565
1. สำหรับระยะเวลาในการเปิดรับลงทะเบียน โครงการฯ จะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน-19 ตุลาคม 2565 ตามช่องทาง ดังต่อไปนี้
- ลงทะเบียน ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนในพื้นที่ทั่วประเทศ ได้แก่ สำนักงานคลังจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร สำนักงานเมืองพัทยา สาขาธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาธนาคารออมสิน และสาขาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย)
ทั้งนี้ ช่วงเวลาในการเปิดรับลงทะเบียน หากตรงกับวันเสาร์-วันอาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานรับลงทะเบียนแต่ละแห่ง
2. การประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติ กระทรวงการคลังจะประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนภายในเดือนมกราคม 2566 ผ่านทางเว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ (คลิกที่นี่)
- สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ผ่านคุณสมบัติของโครงการฯ จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ ที่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทย โดยสามารถยืนยันตัวตนได้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
- สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติของโครงการฯ สามารถดำเนินการยื่นเรื่องอุทธรณ์ผ่านทางเว็บไซต์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือช่องทางที่กระทรวงการคลังกำหนด ตั้งแต่วันที่ 9-31 มกราคม 2566
3. การใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้ลงทะเบียนที่ผ่านคุณสมบัติ และยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว จะสามารถเริ่มใช้สิทธิตามโครงการฯ ได้ โดยเป็นการใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ในการนี้ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่บัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุ หรือมีบัตรประจำตัวประชาชนที่ไม่ใช่แบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ให้เปลี่ยนเป็นบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) และในส่วนของวันที่จะเริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ กระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบันจะยังคงใช้สิทธิผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้จนถึงวันสุดท้ายก่อนที่จะมีการเริ่มใช้สิทธิใหม่ผ่านบัตรประจำตัวประชาชนสำหรับผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565
4. คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 มีดังนี้
- อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ไม่เป็นบุคคล ดังต่อไปนี้ ภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ ข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
- รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว รายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมรายได้ของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
- ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ ของผู้ลงทะเบียนต้องมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง และหากมีครอบครัว ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมมูลค่าทรัพย์สินทางการเงินของผู้ลงทะเบียน และสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว)
- ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีบัตรเครดิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
- ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ ได้แก่ วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และ/หรือ วงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท
- อสังหาริมทรัพย์ ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
1. ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
- กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว: บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา และ/หรือ ห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- กรณีเป็นที่อยู่อาศัย และใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
2. ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย: ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่
กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว
1. ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
1.1 กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว
- กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา
- กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
- กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร
1.2 กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
2. ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่
อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการฯ ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 47 หน่วยงาน ซึ่งมีทั้งหน่วยงานที่เป็นหน่วยรับลงทะเบียนและหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อให้การดำเนินการโครงการฯ เป็นไปอย่างเรียบร้อย และดำเนินการได้ตามระยะเวลาที่กำหนด.