“อาคม” สั่งแบงก์รัฐช่วยลูกหนี้ “ออมสิน” เด้งรับ! ตรึงดอกกู้-ขึ้นดอกฝาก

ผวาดอกเบี้ยขาขึ้น “อาคม” สั่งสถาบันการเงินรัฐ หรือแบงก์รัฐหามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม พร้อมกำชับตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด โดยผู้บริหารแบงก์รัฐเด้งรับทันที ขณะที่ “ออมสิน” รีบประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำเพิ่มสูงสุด 0.30% พร้อมตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ให้นานที่สุด เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและกลุ่มเปราะบาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้เรียกผู้บริหารระดับสูงสถาบันการเงินของรัฐ 7 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีดีแบงก์) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) มาหารือถึงมาตรการดูแลลูกหนี้ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.75% ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะเป็นทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยนายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคาร ธ.ก.ส. กล่าวว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้กล่าวย้ำในที่ประชุมว่า ให้แต่ละธนาคารไปหามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของตัวเองเพิ่มเติม พร้อมเน้นย้ำให้แต่ละแบงก์ตรึงดอกเบี้ยนานที่สุด เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนในช่วงนี้ ทั้งนี้ ในส่วนของ ธ.ก.ส. ต้องยอมรับว่าลูกค้าของ ธ.ก.ส. ส่วนใหญ่ ที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบ MRR วงเงินสินเชื่อรวม 1 ล้านล้านบาท หาก ธ.ก.ส. มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ลูกค้ากลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบแน่นอน เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรมีต้นทุนที่สูงขึ้น จึงไม่อยากให้ต้นทุนการเงินปรับเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น ธ.ก.ส. ก็ต้องตรึงดอกเบี้ยไว้ก่อน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าของตัวเอง

ขณะที่นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการดูแลผู้ฝากเงินให้ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ธนาคารออมสินจึงประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน หรือ 6 เดือน ปรับขึ้น 0.15% เงินฝากประจำ 12 เดือน ปรับขึ้น 0.20% และเงินฝากประจำ 24 เดือน หรือ 36 เดือน ปรับขึ้น 0.30% ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการออม และให้ประชาชนได้มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น ในช่วงที่เริ่มกลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.65 เป็นต้นไป

สำหรับลูกค้าสินเชื่อ ธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือโดยจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ (MLR, MOR และ MRR) ไว้ให้นานที่สุด เพื่อชะลอผลกระทบต่อลูกค้ารายย่อย ผู้ประกอบการ SMEs และกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่มอบหมายสถาบันการเงินของรัฐตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ก่อน ทั้งนี้ การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ และตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท เพื่อดูแลสิทธิประโยชน์ของลูกค้าเงินฝาก รวมถึงช่วยเหลือประคับประคองลูกค้าสินเชื่อในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ระหว่างฟื้นตัวและยังไม่กลับมาอยู่ในภาวะปกติ

ด้านนายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ เอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า เอ็กซิมแบงก์พร้อมตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ให้นานที่สุด ในอัตราไพรม์ เรท 5.75% ต่อปี ซึ่งเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เพื่อแบ่งเบาภาระลูกค้าและผู้ประกอบการไทย รวมทั้งทำโปรโมชันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยผู้ประกอบการให้อยู่รอดในตลาดการค้าโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ธอส. ก็ได้ออกมาประกาศว่าจะตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ให้นานที่สุด อย่างน้อยถึงสิ้นปี 65 เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาล.