สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยวิงวอนรัฐบาลดูแลลูกหนี้ด่วน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้นอีก 0.25% ถือว่าเป็นไปตามที่หลายๆฝ่ายประเมินไว้ ถือว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บริหารภาวะเศรษฐกิจได้ค่อนข้างดี เพราะประเทศไทยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยที่รุนแรงเหมือนในต่างประเทศ เพราะมีบริบทแตกต่างกัน แต่การขึ้นดอกเบี้ยก็ย่อมส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน และ ส.อ.ท.เห็นว่ารัฐบาล ต้องเข้ามาช่วยดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าวในส่วนของภาคการผลิตของภาคอุตสาหกรรมทุกกลุ่มแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ รวมทั้งประชาชนทั่วไปควบคู่กันไปด้วย

ขณะที่กรณีพิพาทบริเวณที่ช่องแคบไต้หวัน ทำให้จีนงดส่งออกทรายดิบที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งอาจซ้ำเติมการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) ในการผลิตรถยนต์ ที่มากขึ้นจากเดิมที่จะซ้ำเติมความรุนแรงของการผลิตภาคอุตสาหกรรม นอกเหนือจากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครนในขณะนี้ ดังนั้น ส.อ.ท.กำลังศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ หาก 2 เหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไป ว่าจะส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่เน้นการส่งออกอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ

“การส่งออกตลอดทั้งปีนี้ยังมั่นใจว่าจะเติบโตได้ 7-8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ต้องติดตามปัจจัยต่างๆใกล้ชิด โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่อาจส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ ล่าสุดมีการประเมินว่าในปลายปีนี้ 80 ประเทศทั่วโลก จะประสบภาวะขาดแคลนอาหาร ที่อาจเป็นโอกาสของไทยในการส่งออก”