ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้พิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.) โดยมีมติขึ้นค่าเอฟทีใหม่ อยู่ที่ 93.43 สตางค์ (สต.) ต่อหน่วย เพิ่มขึ้น 68.66 สต.ต่อหน่วย เป็นอัตรา การปรับขึ้นต่ำสุดจาก 3 แนวทางที่ได้เปิดรับฟังความเห็นกับประชาชนไปก่อนหน้านี้ ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้อง จ่ายงวดใหม่อยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย จากขณะนี้ 4 บาทต่อหน่วย เป็นค่าไฟฟ้าที่สูงสุดตั้งแต่เรียกเก็บมา โดยในครั้งนี้ไม่ต้องเปิดประชาพิจารณ์อีกรอบ จากปกติจะเปิดประชาพิจารณ์อีกครั้ง
สำหรับแนวทางนี้ยังไม่มีการเรียกเก็บค่าเอฟทีในส่วนที่ต้องนำไปชำระหนี้คืนให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่แบกรับภาระแทนประชาชนไปกว่า 109,672 ล้านบาท จากเดิมถึงสิ้นเดือน เม.ย. กฟผ.มีภาระหนี้ที่แบกรับแทนประชาชน 83,010 ล้านบาท ซึ่ง กฟผ.ได้ทำหนังสือมายัง กกพ.เพื่อเสนอความเห็นด้วยกับแนวทางนี้ โดยมองว่าเพื่อลดผลกระทบผู้ใช้ไฟฟ้า
ที่ผ่านมา กกพ.ได้เปิดรับฟังความเห็น ประกอบด้วย 3 แนวทาง โดยแนวทางที่ 1 ค่าเอฟทีอยู่ที่ 93.43 สต.ต่อหน่วย รวมกับจำนวนเงินที่ทยอยคืน กฟผ.ที่ 45.70 สต.ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีรวมเป็น 139.13 สต.ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 5.17 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ.ได้ส่วนหนึ่ง และยังเหลือที่ต้อง ส่งคืนอีก 56,581 ล้านบาท โดยจะคืนเงิน กฟผ.ครบ 83,010 ล้านบาทภายใน 1 ปี
แนวทางที่ 2 ค่าเอฟทีอยู่ที่ 93.43 สต.ต่อหน่วย รวมกับ เงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตราน้อยลงที่ 22.85 สต.ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีรวมเป็น 116.28 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ราคา ค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.95 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ.ได้ช้าลง โดย กฟผ.จะได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี และสุดท้าย
แนวทางที่ 3 เป็นแนวทางที่ผู้ใช้ไฟได้รับผลกระทบน้อยที่สุดคือ ค่าเอฟทีอยู่ที่ 93.43 สต. ต่อหน่วย โดยยังไม่คืนหนี้ กฟผ. 83,010 ล้านบาท ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย.