นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตามที่ได้นำผู้ประกอบการภาคเอกชนท่องเที่ยว 20 ราย เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2565 เพื่อหารือข้อเสนอแนวทางการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศภายใต้มาตรการ ABC ฟื้นฟูประเทศและพลิกโฉมการท่องเที่ยว โดยทุกเรื่องทางนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนนำเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ต่อไป
ทั้งนี้ ข้อเสนอมาตรการ A : Accelerate Travel & Tourism Spending เร่งรัดให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเสนอให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเป็นการชั่วคราวถึงสิ้นปี 2565 และขอขยายระยะเวลาพำนักออกไปเป็น 45 วัน นายกฯมอบหมายให้ไปหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ มาตรการ B : Booster Shot เพื่อหมุดหมายในการฟื้นประเทศ “เราฟื้นด้วยกัน” โดยส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มความถี่และจำนวนที่นั่งตามแผนการบินระหว่างประเทศและในประเทศให้กลับมาไม่น้อยกว่า 50% และการโรด์โชว์ในประเทศต่างๆ กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวไทย สนับสนุนการเดินทางศึกษาดูงานและอบรมในต่างจังหวัด นายกฯมอบหมายให้ ททท.ไปหารือเรื่องการจัดหางบกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่วนมาตรการ C : Cost-effectiveness สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิผล ลดต้นทุน เพิ่มสภาพคล่อง ส่งเสริมขีดความสามารถในระยะยาว โดยผ่อนผัน แก้ไขระเบียบ คำสั่ง หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะหารือกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายชัยพฤกษ์ ทองคำ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า พอใจการเข้าพบนายกรัฐมนตรี 80% แต่ข้อเสนอเรื่องยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า นายกฯยังไม่ได้ฟันธงมา จะขอไปคุยกับกระทรวงการต่างประเทศอีกที แต่แนวโน้มน่าจะยาก และนายกฯมองว่าการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าบริษัททัวร์อาจไม่ได้นำไปลดค่าทัวร์แต่อย่างใด แต่ในส่วนข้อเสนอขยายเวลาพำนักในไทยน่าจะได้ และได้เสนอหากมีการทำวีซ่าในรูปแบบ Multiple หรือเข้าออกได้หลายครั้งในการท่องเที่ยวแนวชายแดน และกลับมาท่องเที่ยวพำนักต่อที่ประเทศไทย.