ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงให้ ครม.รับทราบความจำเป็นในการใช้กลไกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาจัดทำแผนรองรับวิกฤติพลังงาน และอาหาร รวมทั้งชี้แจงให้ ครม.รับทราบแนวทางการจัดตั้งกรรมการ 2 ชุดขึ้นมาดูแลภาวะวิกฤติ และจัดทำแผนรองรับวิกฤติให้แล้วเสร็จและมีความพร้อมมากที่สุดโดยเร็ว โดยต้องเตรียมแผนไว้แก้ปัญหาระยะยาวกรณีสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียยืดเยื้อ
โดยนโยบายการบริหารหลักเวลานี้จะไม่กู้เพิ่ม และใช้เงินเท่าที่มีอยู่ในการบริหาร นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังได้มอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ไปจัดทำแผนเพิ่มเติมรายการสินค้าและบริการควบคุม เพื่อรองรับสถานการณ์ในแต่ระดับ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ช่วง 3 เดือนต่อจากนี้ วิกฤติการขาดแคลนอาหารคงไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทย เพราะเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลก ส่วนวิกฤติพลังงาน ยืนยันว่าจะไม่เกิดภาพเหมือนบางประเทศที่ต้องข้ามแดนไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเติมน้ำมัน เพราะไทยมีฐานะการคลังที่มั่นคง
ขณะที่นายสุพัฒนพงษ์ได้ชี้แจงเรื่องกำไรของโรงกลั่นตามที่นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และรองนายกรัฐมนตรี เสนอนั้นถือว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าเป็นการเปรียบกับในช่วงเวลาที่ขาดทุน และช่วงที่มีกำไรสูง ซึ่งทำให้มีความแตกต่างกันมากระหว่างตัวเลขของกระทรวงพลังงานกับตัวเลขที่นายกรณ์ใช้ในการอ้างอิงมาก โดยยืนยันว่าตัวเลขของนายกรณ์ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
นายสุพัฒนพงษ์กล่าวใน ครม.ด้วยว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนี้เรื่องของการประหยัดพลังงานถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งได้ไปหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ในกลุ่มห้างสรรพสินค้าขอให้ช่วยประหยัดพลังงานแล้ว และได้รับความร่วมมือในการจะช่วยกันประหยัดพลังงาน โดยห้างสรรพสินค้าจะมีการปิดเครื่องปรับอากาศ และไฟฟ้าป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ก่อนที่ห้างสรรพสินค้าจะปิด 1 ชั่วโมง ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้นได้.