นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ (สศช.) อยู่ระหว่างการหารือการใช้งบกลางปี เพื่อนำมาใช้ในมาตรการเยียวยาแบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชนในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนจะเป็นมาตรการใดนั้น ต้องรอการหารือให้ได้ข้อยุติก่อน โดยขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชนอย่างแน่นอน
“มาตรการที่จะนำมาใช้แบ่งเบาช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนนั้น จะมีทั้งมาตรการเก่าและมาตรการใหม่ โดยมาตรการเก่าก็ได้ขยายระยะเวลามาตรการออกไปแล้ว เช่น การตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวีสำหรับรถยนต์ และก๊าซหุงต้ม เป็นต้น ส่วนเรื่องภาษีน้ำมันดีเซลนั้นยังมีเวลาพิจารณา เนื่องจากจะสิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค.65 นี้ จากนี้ไปการช่วยเหลือน่าจะเป็นเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจริงๆ เพราะงบประมาณมีจำกัด ซึ่งงบกลางมีเหลือไม่มากนัก”
นายอาคมกล่าวต่อว่า คลังยังมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ยังเติบโตในอัตรา 3.5% ซึ่งอยู่ในช่วงที่ได้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี 3-4% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการเปิดประเทศ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ปรับการคาดการณ์ใหม่ ว่านักท่องเที่ยวจะเข้ามาเที่ยวไทยไม่น้อยกว่า 9.5 ล้านราย จากเดิมคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวราว 7 ล้านคน ขณะที่ส่งออกของไทยเติบโตต่อเนื่อง โดย 4 เดือนปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) ขยายตัว 14% และเงินบาทอ่อนค่าลง ดังนั้น หากยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น การส่งออกเพิ่ม จีดีพีประเทศไทยจะเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณ (ต.ค.64-พ.ค.65) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1,564,246 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 100,345 ล้านบาท หรือ 6.9% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.1% มาจากการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรสูงกว่าประมาณการ โดยจัดเก็บได้ 1,249,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187,540 ล้านบาท ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากมีการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล.