พาณิชย์เอ่ยปากอนุมัติขึ้นราคาปุ๋ย 18 สินค้าจำเป็นอื่นยังไม่มีสิทธิ์

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

พาณิชย์เอ่ยปากอนุมัติขึ้นราคาปุ๋ย 18 สินค้าจำเป็นอื่นยังไม่มีสิทธิ์

Date Time: 25 มิ.ย. 2565 06:12 น.

Summary

  • ออกจากปากครั้งแรก กรมการค้าภายในไฟเขียวขึ้นราคา “ปุ๋ยเคมี” ในที่สุด แจงต้นทุนเพิ่มขึ้นจริง ต้องยอมให้ขึ้นราคาเพื่อไม่ให้ของขาดและกระทบเกษตรกรน้อยที่สุด

Latest

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย คาดธุรกิจค้าปลีกปี 2568 โต 3-5% หวังแรงหนุนจากท่องเที่ยวและส่งออก

ออกจากปากครั้งแรก กรมการค้าภายในไฟเขียวขึ้นราคา “ปุ๋ยเคมี” ในที่สุด แจงต้นทุนเพิ่มขึ้นจริง ต้องยอมให้ขึ้นราคาเพื่อไม่ให้ของขาดและกระทบเกษตรกรน้อยที่สุด ส่วนสินค้าจำเป็นอื่นๆ 18 รายการ รวมข้าวถุง ยังไม่ให้ขึ้นราคาแค่บางรายอาจเลิกจัดโปรโมชัน ด้านสมาคมภัตตาคารไทยหย่อนระเบิดเดือน ก.ค. ร้านอาหารเตรียมขึ้นราคา

ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ กรมได้อนุมัติปรับขึ้นราคาปุ๋ยหน้าโรงงานหลายสูตรตามที่ผู้ประกอบการเสนอมา โดยการอนุมัติครั้งนี้เป็นการปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลกจากหลายปัจจัย ทั้งผลกระทบสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ผลผลิตแม่ปุ๋ยเข้าสู่ตลาดน้อย ราคาพลังงานที่สูงขึ้นและเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยปัจจุบันไทยต้องนำเข้าปุ๋ย 100% จึงต้องอนุมัติการปรับขึ้นราคา เพื่อให้ผู้ประกอบการนำเข้าแม่ปุ๋ยมาผลิตขายในประเทศได้ ป้องกันปัญหาขาดแคลนปุ๋ยในประเทศ และส่งผลกระทบต่อเกษตรกรน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม หลังการปรับขึ้นราคาแล้ว กรมจะติดตามราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิด และเข้มงวด เพื่อให้กระทบต่อเกษตรกรน้อยที่สุด

ส่วนสินค้าอื่นๆที่ผู้ประกอบการขอปรับขึ้นราคา โดยเฉพาะในสินค้าจำเป็น 18 รายการนั้น กรมยังไม่ได้อนุมัติให้ปรับขึ้น เพราะเห็นว่าแม้ต้นทุนวัตถุดิบขยับขึ้นไปบ้าง แต่เมื่อวิเคราะห์แล้วพบว่าต้นทุนโดยรวมยังไม่สูงมาก จึงขอให้ตรึงราคาต่อไปก่อนเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังไม่ปรับราคา และผู้ประกอบการยังไม่ลดกำลังการผลิต หรือมีปัญหาสินค้าขาดตลาด ส่วนนมสดยังไม่ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาเช่นกัน

ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้า ภายใน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.65 ได้ประชุมร่วมกับสมาคมข้าวถุงไทย และผู้ประกอบการข้าวสารบรรจุถุงรายใหญ่ในตลาด ได้แก่ ตราฉัตร ข้าวมาบุญครอง เบญจรงค์ อิ่มทิพย์ ไก่แจ้ และข้าวแสนดี โดยผู้ประกอบการยืนยันจะไม่ปรับขึ้นราคาแน่นอน เพราะราคาวัตถุดิบขณะนี้ ไม่มีผลทำให้ต้องปรับขึ้นราคา แม้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น จึงจะตรึงราคาไว้ก่อน

ส่วนนายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ราคาข้าวและต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น ผู้ประกอบการ บางรายอาจต้องปรับกิจกรรมโปรโมชัน เช่น ลดจำนวนความถี่ในการจัดกิจกรรม หรือส่วนลดทางการค้า ยอมรับว่าข้าวถุงเป็นเรื่องของการส่งเสริมการขาย ทำให้บางช่วงราคาถูก อีกทั้งตลาดข้าวถุงมีการแข่งขันสมบูรณ์ ทั้งด้านราคา ชนิด คุณภาพ และโปรโมชัน ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลาย

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายก รัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการดูแลราคาสินค้าขณะนี้ว่า จะใช้ “วิน-วิน โมเดล” และนโยบายทั้งเชิงรุกและเชิงลึกดูแลราคาสินค้า โดยหากจะมีสินค้ารายการใดขอปรับขึ้นราคา จะต้องพิจารณาลงลึกว่าต้นทุนเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ เพิ่มขึ้นเท่าไร หรือต้นทุนใดที่เพิ่มขึ้น ก่อนจะพิจารณาให้ปรับขึ้นราคาได้ ซึ่งจะต้องให้ปรับขึ้นน้อยที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ขณะที่ผู้ประกอบการยังสามารถทำธุรกิจต่อไปได้ หากผู้ประกอบการขาดทุนก็อาจเลิกผลิตสินค้า และจะเกิดปัญหาใหม่คือสินค้าขาดแคลน

“ที่ผ่านมา สินค้ามีทั้งตรึงไว้และขายราคาเดิม ปรับราคาขึ้นและลดลง แต่พูดแล้วไม่เป็นข่าว เช่น ATK ราคาลดลง 30-40% ฟ้าทะลายโจรช่วงหนึ่งที่เป็นห่วงว่าจะแพง จนคนจะไม่มีเงินซื้อ แต่ตอนนี้ราคาก็ปรับลง แม้แต่ข้าวสารถุงราคาลดลง แต่บางช่วงสินค้าบางรายการแพงขึ้น เป็นเรื่องของฤดูกาล เช่น มะนาว ผักชี เป็นต้น”

ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซอสปรุงรส ที่ยื่นขอปรับราคา จะพิจารณาจากต้นทุนการผลิต หากสินค้าลอตใดต้นทุนขึ้นไม่มาก จะขึ้นราคาขายมากไม่ได้ ลอตใดที่ต้นทุนเท่าเดิม ต้องตรึงราคาไว้ ส่วนลอตใดที่ต้นทุนสูงขึ้นจริง ก็จะพิจารณาตามข้อเท็จจริง เพื่อให้ทำธุรกิจต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหาของขาดตลาด

ด้านนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ร้านอาหารและภัตตาคารล้วนรอดูว่ารัฐบาลจะมีมาตรการเกี่ยวกับราคาน้ำมันอย่างไร โดยทุกร้านกำลังพิจารณาขึ้นราคาอาหารในช่วงเดือน ก.ค.นี้ เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งสูงขึ้น ซึ่งเท่าที่ผ่านมา ไม่กล้าขึ้นราคาเพราะเห็นว่าผู้บริโภคลำบาก เกรงว่าจะกระทบฐานลูกค้า “สถานการณ์แบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นนี้ ร้านอาหารรายเล็กลำบาก

ส่วนร้านอาหารรายใหญ่ๆพวกมีแบรนด์ ยังมีผู้มีกำลังซื้อสูงเป็นลูกค้า แม้จำนวนจะลดลง แต่ได้ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น และร้านอาหารกลุ่มนี้ยังมีความหวังที่จะทำการตลาดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มทยอยเข้ามาในประเทศ จึงอยู่ในสถานะรอดูว่าจะแบกรับไหวหรือไม่ หรือเลือกที่จะขึ้นราคาอาหารในบางรายการ สิ่งที่เป็นห่วงคือร้านสตรีทฟู้ดหรือร้านค้าริมทาง เมื่อราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นทุกอย่างแต่ก็ต้องแข่งขันกับร้านอื่น จะเกิดกรณีลดปริมาณ ลดคุณภาพวัตถุดิบลง”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ