ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ เพื่อขอให้เร่งรัดการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือท่อส่งน้ำอีอีซี จากเดิมเลื่อนการลงนามเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 65 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อรัฐและบริษัทผู้ชนะประมูล
โดยหนังสือที่ส่งถึงกรมธนารักษ์นั้นระบุว่า บริษัทขอให้เร่งรัดกำหนดวันการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือท่อส่งน้ำอีอีซี เนื่องจากเวลาได้ล่วงเลยมานานแล้ว โดยคณะกรรมการที่ราชพัสดุได้เห็นชอบให้มีการลงนามกับบริษัทในฐานะผู้ชนะประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซีตั้งแต่เดือน มี.ค.2565 ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการลงนามในสัญญาแต่อย่างใด ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบในการเตรียมการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานตามข้อเสนอของโครงการและสร้างความเสียหายแก่บริษัทอีกด้วย
อีกทั้งการทอดเวลาการลงนามในสัญญาออกไป ยังส่งผลให้กรมธนารักษ์ได้รับผลตอบแทนและส่วนแบ่งรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้เดือนละ 41.09 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าตอบแทนรายเดือน 3.72 ล้านบาท ส่วนแบ่งรายได้เดือนละ 37.37 ล้านบาท และหากกรมธนารักษ์ยังคงให้คู่สัญญาเดิมครอบครองใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของแผ่นดินต่อไป โดยจ่ายค่าตอบแทนแบบเดิม อาจมีข้อครหาไม่ดูแลปล่อยให้มีการใช้ทรัพย์สินโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่หน่วยงานรัฐและเอื้อประโยชน์ต่อผู้แพ้ประมูล
ทั้งนี้ หากยังมีการประวิงเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ตามพันธะของรัฐที่มีต่อบริษัทซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลให้เนิ่นนานออกไป และอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทจนไม่อาจเยียวยาได้ บริษัทจึงขอสงวนสิทธิในการดำเนินคดีต่อหน่วยงานของรัฐ พนักงานเจ้าหน้าที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งอาญาและทางแพ่งจนถึงที่สุดเพื่อปกป้องสิทธิบริษัท
นายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมทีมทนายความในการดำเนินการฟ้องร้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวผลการประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี รวมทั้งฟ้องศาลอาญา ประเด็นที่ทำให้รัฐเสียหายจากการลงนามสัญญาบริหารโครงการล่าช้า ซึ่งความเสียหายส่วนนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นจึงต้องยื่นฟ้องร้องเพื่อปกป้องสิทธิของบริษัท.