“จิรายุส” ร่วมเวทีเศรษฐกิจโลก ธีมเศรษฐกิจสีเขียว-ดิจิทัล-ความยั่งยืนมาแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมประจำปีของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum : DAVOS 2022 หรือ WEF : DAVOS 2022) ณ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 22–26 พ.ค.65 เพื่อเสนอแนะทิศทางในการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาระหว่างประเทศผ่านเครือข่ายผู้นำภาคการเมือง ธุรกิจ และภาคประชาสังคมซึ่งมีผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งระดับผู้นำประเทศ ผู้บริหารระดับสูงจากภาคธุรกิจ องค์การระหว่างประเทศ และนักวิชาการจากทั่วโลก โดยปีนี้ “ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้เข้าร่วมงานในฐานะตัวแทนนักธุรกิจจากประเทศไทยและผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเข้าร่วมงานในส่วนของสตาร์ตอัพที่ทำเกี่ยวกับบล็อกเชนที่เป็นยูนิคอร์น

โดยนายจิรายุสเปิดเผยว่า ตนได้ขึ้นเวทีร่วมการเสวนาแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “DeFi - Future of Decentralized Governance” ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิอีก 3 ท่าน ได้แก่ นาย Rahul Singh -President Financial Services and Digital Process Operations, HCL Technologies ซึ่งถือเป็นผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่, นาย Hans-Paul Bürkner Global Chair Emeritus, Boston Consulting Group และ นาย Akash Shah-Chief Growth Officer, BNY Mellon โดยนาย Akash Shah เป็นผู้บริหารของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดที่ทำ Custody Solution ของสหรัฐอเมริกา และกำลังจะเข้ามาทำ Custody Solution หรือรับฝากและเก็บรักษาทรัพย์สินดิจิทัล Cryptocurrency ด้วย โดยบนเวทีมีการดีเบตในเรื่องของ Decentralized Finance ในอนาคตในโลกการเงิน

นายจิรายุสกล่าวต่อว่า ในงานนี้มีผู้นำ ผู้บริหารและนักวิชาการด้านต่างๆจากทั่วโลกเข้าร่วมงาน เพื่อที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นกันว่า ในอนาคตโลกกำลังเดินไปในทิศทางไหน มีข้อกังวลอะไรที่เราต้องมาร่วมกันแก้ปัญหา โดยการประชุม WEF : DAVOS 2022 ปีนี้ ได้มีการพูดถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนหรืออย่างมีคุณภาพ Quality Growth จากเมื่อก่อนที่โลกจะเน้นการเติบโตแบบรวดเร็วซึ่งไม่ได้ยั่งยืนหรือ Aggressive Growth และปีนี้มีการพูดกันมากในเรื่องของศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) คือเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นให้เกิดความกินดีอยู่ดีของมนุษย์และความเท่าเทียมทางสังคม โดยลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม การลดการปล่อยคาร์บอน (decarbonization) และการสร้างความเป็นกลางด้านคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี 2030 ซึ่งประเด็นนี้จะเป็น Growth Sector ที่เป็น Quality Growth ซึ่งถือเป็นธีมที่เป็นเทรนด์ของโลก

อีกหัวข้อที่มีการพูดคุยกันเยอะมากในการประชุมปีนี้ คือเรื่องของ Digital Wealth ที่เขาบอกว่า เศรษฐกิจดิจิทัลจะใหญ่ขึ้นมากๆหลังจากนี้ ขณะที่ China Outlook มีข้อมูลที่เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจดิจิทัลของจีนมีสัดส่วนอยู่ที่ 30-40% ของ GDP ของจีน และรัฐมนตรีด้านดิจิทัลของยูเครนก็เปิดเผยว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของยูเครนอยู่ที่ 30% ของ GDP แล้ว ดังนั้น ธีมที่สองของการประชุมครั้งนี้ที่พูดถึงกันมากคือ Digital Wealth

สำหรับธีมที่สามคือเรื่องของ Globalization คือเรายังมี Globalization อยู่ แต่ Supply Chain จะเปลี่ยนไป เรียกว่า Value Chain เปลี่ยนไป เพราะวิกฤติโควิดทำให้เกิดข้อจำกัด ทำให้เราต้องเปลี่ยนประเทศในการหา Supply หรือห่วงโซ่การผลิตของสินค้าและการ บริการต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงเรื่องของทุนมนุษย์ (Human Capital) ด้วยว่าในอนาคตเราต้อง Reskill-Upskill คือการเพิ่มทักษะและสร้างทักษะใหม่ๆที่จำเป็นต่อการทำงานให้กับคนจำนวนมาก เพราะฉะนั้น Basic อย่างแรกที่ต้องมีให้กับคนคือเรื่องของการเชื่อมต่อ หรือการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตควรจะเป็นบริการสาธารณะ (Public Goods) ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อเอาความรู้มาพัฒนาตัวเองผ่านการเรียนออนไลน์ เพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่การทำงานจะเปลี่ยนไป ทุกคนทำงานที่ไหนก็ได้ทั่วโลก ดังนั้นการทำให้ประชาชนเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ต จะทำให้เกิดการสร้างโอกาสใหม่ๆในการเข้าถึงงานดีๆได้

นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงเรื่องอัตราเงินเฟ้อสูงทั่วโลก ถือเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับทั่วโลก เพราะที่ผ่านมาอเมริกาพิมพ์เงินออกมาเยอะมาก ก็มีการพูดกันว่าจะแก้ไขปัญหานี้ยังไงดี “ผมเข้าร่วมฟังทั้ง Global Economic Outlook, United States’s Economic Outlook, China’s Economic Outlook มีเรื่องที่คนพูดเหมือนกันคือเรื่อง Digital Currency, Cryptocurrency แล้วก็ CBDC พูดกันเยอะมากว่า ในอนาคตจะเป็นเทรนด์ที่ต้องเข้ามาศึกษา เข้ามาเตรียมพร้อม จะเป็นสิ่งที่ใหญ่มากๆในอนาคต ผมคิดว่าเมืองไทยน่าจะมีผู้นำมา WEF มากขึ้น เพื่อที่จะได้ Connect กับ Global Leaders ได้เข้าใจทิศทางของโลก เพื่อกลับมามี Policy ที่สนับสนุนไปในทิศทางเดียวกับโลก”.