น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเยือนญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26-27 พ.ค. ว่า ส่วนหนึ่งของการกล่าวปาฐกถาบนเวที นิคเคอิ ฟอรั่ม นายกฯได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศที่มุ่งเป้าสร้างความสมดุล ลดความเหลื่อมล้ำและขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวครอบคลุมการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพของอาเซียน (Bio Hub of ASEAN) ภายในปี 2570 ทั้งนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพที่ครอบคลุมหลายด้านตั้งแต่ปี 2561 และมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉพาะปี 64 มีโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมชีวภาพ เช่น การเกษตรและแปรรูปอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ รวม 222 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 76,500 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด Thermoplastic Strach ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก 2.โครงการผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด Polylactic Acid ในจังหวัดนครสวรรค์ และ 3.โครงการผลิตหลอดดูดน้ำย่อยสลายได้จากเศษแป้ง จังหวัดขอนแก่น
สำหรับความคืบหน้าโครงการภาคเอกชน เช่น โครงการไบโอฮับเอเชีย ที่ จ.ฉะเชิงเทรา มูลค่าลงทุน 57,600 ล้านบาท เป็นการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ เช่น พลังงานชีวภาพ เคมีชีวภาพ และอาหารแห่งอนาคตสำหรับคนและสัตว์ มีการลงนามสัญญาร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาติแล้ว และเกษตรกรสนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 60,000 ครัวเรือน.