บิ๊กตู่” สั่ง ครม. ดูแลประชาชน ของห้ามขาดตลาด-ไฟห้ามดับ-ราคาห้ามแพง

นายกฯ สั่งดูแลราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น หามาตรการเพิ่มรายได้ช่วยเกษตรกร คนมีรายได้น้อย เข้าใจประชาชนที่เดือดร้อน สินค้าต้องไม่ขาดตลาด ไฟฟ้าต้องไม่ดับ ราคาต้องไม่สูง ยังไม่ให้ปรับขึ้นราคาสินค้าควบคุม 18 หมวด เป็นปลื้มท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ยอมรับหลังสงกรานต์โควิดจ่อพุ่ง แต่เชื่อมั่นรองรับ-รักษาได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้เน้นย้ำในที่ประชุม ครม. เรื่องราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น สืบเนื่องมาจากสถานการณ์โลกด้วยที่ควบคุมได้ยาก ปัจจัยความขัดแย้งระหว่างกันที่คาดว่าอาจจะยังไม่ยุติโดยเร็ว ทำให้ค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะน้ำมัน ก๊าซ ปุ๋ย อาหารสัตว์ และอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องเงินเฟ้อที่เป็นห่วง เข้าใจดีถึงประชาชนที่เดือดร้อน

“เดิมเราเคยหารายได้ได้เท่านี้ แล้วใช้จ่ายเรื่องอุปโภคบริโภคไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็อยู่ได้ แต่เมื่อวันนี้ราคาสินค้าแพงขึ้น รายจ่ายจึงมากขึ้น จึงพยายามจะหามาตรการมารองรับตรงนี้ แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะคงทราบดีถึงปัญหาเรื่องงบประมาณที่ต้องทำหลายอย่างด้วยกัน ข้อสำคัญเราไปหยุดยั้งเรื่องการลงทุนของภาครัฐไม่ได้มากนัก เนื่องจากเป็นโครงสร้างสำคัญที่ให้ทุกคนได้ทำประโยชน์”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดคือ เกษตรกร จะมีผลกระทบเป็นห่วงโซ่ไปถึงผู้ประกอบการ สุดท้ายจะกลับมาที่ผู้บริโภค จึงได้ให้ทุกกระทรวงได้มีการแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว หลักการสำคัญคือ สินค้าต้องไม่ขาดตลาด ไฟฟ้าไม่ดับ ราคาต้องไม่สูง ต้องไม่ปรับราคาของสินค้าที่ควบคุมทั้งหมด 18 หมวด ส่วนเรื่องช่องทางการส่งออก การส่งผลไม้และสินค้าไปประเทศจีนที่ล่าช้านั้น ขณะนี้กำลังแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ด้วยการหารือระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล วันนี้การขนส่งสินค้าทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น มีการเคารพหลักการซึ่งกันและกัน มีการแก้ไขปัญหาที่ต้นทาง ลดขั้นตอนลง

ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังมีการสรุป เรื่อง 10 มาตรการในการช่วยประชาชนด้านพลังงาน โดยมีการอนุมัติไปแล้ว และหลายโครงการเริ่มดำเนินการไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ เห็นผลจากการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่หาเช้ากินค่ำหลายล้านคน ตรงนี้น่าจะพอประคับประคองให้เราผ่านภาวะนี้ไปอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ ครม.ยังพิจารณาหลายเรื่องที่สำคัญ ทั้งการสร้างรายได้ ขีดความสามารถด้านการแข่งขัน การบริหารสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การอำนวยความสะดวกของประชาชน

“เราต่อสู้โควิด-19 มาแล้วนานกว่า 2 ปี วันนี้หลายอย่างเริ่มคลี่คลายจากผลสำเร็จของเราในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆไปพร้อมๆ กันด้วย เช่น การสนับสนุนรถยนต์อีวี ทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทางต่างๆ ก็เริ่มจัดหาเข้ามาใหม่ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศที่เราจะนำด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียนสมดุลสิ่งแวดล้อมไปด้วย รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ ดิจิทัล การสร้างเขตอุตสาหกรรมอัจฉริยะ เพื่อจะพัฒนานวัตกรรมของเราให้มีรายได้สูงขึ้น รายได้เข้าประเทศมากขึ้น รัฐบาลได้วางโครงสร้างเหล่านี้มาโดยตลอดอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นทางหลวง เส้นทางรถไฟ รถไฟฟ้าทั่วประเทศทั้ง กทม.และภูมิภาค”

นายกฯ กล่าวว่า กุญแจสำคัญของความกินดีอยู่ดีของประชาชนคือ การเพิ่มรายได้ที่จะต้องควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินและความยากจนอย่างยั่งยืน วันนี้มีหลายหน่วยงานที่ออกมาแก้ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน หนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ประนอมหนี้ การเจรจาไกล่เกลี่ย ทางกระทรวงยุติธรรมและหลายๆหน่วยงานกำลังทำในเรื่องนี้ และขอให้ทุกกระทรวงนำแบบอย่างไปทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในเรื่องเกษตรต้องดูว่าจะทำอย่างไรเกษตรกรถึงจะอยู่ได้ ไม่ใช่เฉพาะวันนี้ แต่ต้องวันหน้าด้วย เราอยากจะขับเคลื่อนนโยบายในเรื่องเกษตรอัจฉริยะ

นอกจากนั้น ยังมีความก้าวหน้าในช่วงนี้ ที่ได้รับรายงานว่ามีคนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากพอสมควร ทำให้หลายธุรกิจเติบโตเพิ่มขึ้น แน่นอนมันอาจมีปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง ในความแออัดและความคับคั่ง บางทีเที่ยวบินเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกัน ช่วงเช้าคนแน่นสนามบิน จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานลงไปแก้ปัญหาหน้างานในเรื่องจะทำอย่างไรให้อำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งหมดต้องทำตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ต้องค่อยๆดูว่าจะเดินหน้าอย่างไร

วันนี้เที่ยวบินเข้ามาเพิ่มมากขึ้น การใช้บริการสายการบินในประเทศมากขึ้น การท่องเที่ยวของคนไทยมากขึ้น และยินดีกับผู้ประกอบการธุรกิจหลายประเภทที่ได้รับผลดีในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะภาคโรงแรม ภาคบริการ สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ทราบว่ามีสถิติการจองเพิ่มสูงขึ้น แต่ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่กับโควิด-19 ได้อย่างไร และต้องยอมรับว่าถ้ามีการเคลื่อนไหวไปมาอยู่แบบนี้ แน่นอนว่ามีสิทธิ์สูงขึ้น แต่เรามีความสามารถที่รองรับและรักษาได้.