รัฐชุลมุนแก้หนี้สินภาคประชาชน ผ่านเกณฑ์พักหนี้ช่วยเกษตรกร

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงปัญหาหนี้ประชาชนนั้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย จะนัดประชุมหารือเพื่อหามาตรการช่วยเหลือภาระหนี้ของประชาชนต่อไป

ขณะเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วานนี้ (22 มี.ค.) ได้เห็นชอบในหลักการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 50,621 ราย ยอดหนี้เงินต้น 9,282.92 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี ปีแรก 10,000 ราย ใช้งบกลางฯรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปี 65 รวม 2,000 ล้านบาท ปีที่ 2 จำนวน 22,000 ราย และปีที่ 3 อีก 18,621 ราย

“สมาชิกที่ประสงค์ที่จะให้กองทุนช่วยเหลือและได้นำหนี้มาขึ้นทะเบียนนั้น เป็นหนี้เร่งด่วน ผิดนัดชำระหนี้ของธนาคารรัฐ 4 แห่ง คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ซึ่งแนวทางจะให้พักชำระเงินต้นครึ่งหนึ่ง และดอกเบี้ยทั้งหมดไว้ก่อน และให้เกษตรกรผ่อนเงินต้นครึ่งหนึ่งที่เหลือในเวลาไม่เกิน 15 ปี เมื่อชำระหนี้คืนเสร็จสิ้นแล้ว เงินต้นและดอกเบี้ยที่พักไว้จะยกให้เกษตรกรทั้งหมด แต่มีข้อแม้ว่าเกษตรกรจะต้องไม่ก่อหนี้เพิ่มอีก”

ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.ยังเห็นชอบ 2 มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับสินเชื่อภายใต้ พ.ร.ก. ซอฟต์โลน 1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะพิเศษ ซอฟต์โลน เอ็กซ์ตร้า วงเงิน 90,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการใหม่ เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับสินเชื่อภายใต้ พ.ร.ก.ซอฟต์ โลนที่จะครบกำหนดเวลาชำระหนี้คืน ให้ยังคงได้รับสินเชื่อต่อเนื่อง โดยมีอายุการค้ำประกันไม่เกิน 8 ปี ยื่นคำขอค้ำประกันสินเชื่อตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ถึง 31 ธ.ค.2566 โดยรัฐบาลจะชดเชยค่าธรรมเนียมแทนเอสเอ็มอี ใน 2 ปีแรก อัตรา 0.75% ต่อปีของวงเงินค้ำประกัน หรือรวม 1.5%

2.ปรับปรุงโครงการ PGS ระยะพิเศษ ซอฟต์ โลน พลัส พร้อมอนุมัติวงเงิน 15,854.27 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับสินเชื่อภายใต้ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ที่จะครบกำหนด 2 ปีให้ได้รับสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระให้เอสเอ็มอีที่ต้องเริ่มจ่ายค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อในปี 2565.