นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 5 เดือนของปีงบประมาณ 65 ว่า ขณะนี้สามารถจัดเก็บรายได้เกินเป้าหมายกว่า 46,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องรอสรุปผลการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร ในช่วงเดือน เม.ย.65 อีกครั้ง เนื่องจากเป็นเดือนที่จะสิ้นสุดการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลก็จะทำให้เห็นยอดรายได้ของรัฐที่ชัดเจนขึ้นและจะประเมินทิศทางจัดเก็บรายได้ของรัฐประจำปีงบประมาณ 65 ได้ ซึ่ง ณ ขณะนี้ก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนจะมีการพิจารณาต่ออายุมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการเดือน พ.ค.นี้ ออกไปอีกหรือไม่นั้น
ยังต้องรอประเมินสถานการณ์ช่วงใกล้สิ้นอายุมาตรการอีกครั้ง
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตามที่กรมสรรพากรได้ออกกฎหมายจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริการอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์มผู้ให้บริการต่างประเทศที่ให้บริการกับผู้ใช้บริการในประเทศไทย หรือภาษีอี-เซอร์วิส (e-Service) มาตั้งแต่ 1 ก.ย.64 ที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มผู้ให้บริการต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มรวม 127 ราย และมียอดมูลค่าบริการอิเล็กทรอนิกส์รวม 44,569.83 ล้านบาท คิดเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บสะสม 5 เดือน (เดือนภาษี ก.ย.64-ม.ค.65) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3,120.03 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มแยกตามประเภทแพลตฟอร์ม และบริการสะสม 5 เดือน โดยบริการโฆษณาออนไลน์ มีมูลค่าบริการ 28,013.66 ล้านบาท จัดเก็บได้ 1,960.96 ล้านบาท, บริการขายสินค้าออนไลน์ มีมูลค่าบริการ 1,982.82 ล้านบาท จัดเก็บได้ 838.83 ล้านบาท บริการสมาชิก เพลง หนัง เกม ฯลฯ มีมูลค่าบริการ 4,023.06 ล้านบาท จัดเก็บได้ 281.69 ล้านบาท, บริการแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลาง มีมูลค่าบริการ 367.67 ล้านบาท จัดเก็บได้ 25.76 ล้านบาท และบริการแพลตฟอร์มจองที่พัก ตั๋วเดินทาง ฯลฯ มีมูลค่าบริการ 182.62 ล้านบาท จัดเก็บได้ 12.79 ล้านบาท
“การจัดเก็บภาษี e-Service จากผู้ประกอบการต่างประเทศ หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์กับผู้ใช้บริการในประเทศไทยที่จัดเก็บได้จำนวนกว่า 3,000 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 5 เดือนนั้น ทำให้คาดได้ว่าภายใน 1 ปีทางกรมสรรพากรจะสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้จากแพลตฟอร์มผู้ให้บริการต่างประเทศ 8,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่เคยมีการคาดการณ์ไว้แต่เดิมว่าจะจัดเก็บได้ที่ 5,000 ล้านบาท”.