นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมวอร์รูมติดตามผลกระทบจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนว่า ที่ประชุมได้พิจารณาผลกระทบที่มีต่อสินค้าสำคัญ 2 รายการ คือปุ๋ยเคมี และวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวสาลีที่ไทยต้องนำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงจากรัสเซีย และยูเครน แต่ขณะนี้ราคาสูงขึ้นมาก จึงต้องหาแนวทางลดผลกระทบให้กับผู้ประกอบการ เช่น ลดต้นทุนผลิต ฯลฯ โดยในส่วนของปุ๋ยยูเรียเป็นผลพลอยได้จากก๊าซธรรมชาติที่ไทยต้องนำเข้า เพราะไม่สามารถผลิตได้เอง และรัสเซียเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลก ส่วนข้าวสาลี ยูเครนเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ เมื่อแหล่งผลิตเกิดสงคราม จึงผลักดันให้ราคาสินค้าทั้ง 2 รายการปรับสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะต้องดูแลตลอดห่วงโซ่การผลิตให้เกิดความเป็นธรรม ตั้งแต่ต้นทางคือผู้ผลิตไปจนถึงปลายทางคือผู้บริโภค ถ้าพบว่าต้นทุนผลิตปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ก็ต้องดูแลให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ ไม่เกิดภาวะสินค้าขาดแคลน ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ต้องไม่เดือดร้อนจากราคาที่แพงเกินไป ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาก็จะให้ปรับตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ไม่ให้มีการฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร และคงไม่ได้ให้สินค้าทุกตัวปรับขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์เท่ากันหมด เพราะแต่ละสินค้าได้รับผลกระทบมากน้อยต่างกัน
“ตอนนี้ปุ๋ยเคมีและอาหารสัตว์เป็นสินค้าควบคุมตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ถ้าผู้ประกอบการจะปรับราคาต้องทำเรื่องมาที่กระทรวงพาณิชย์ก่อน ถ้ายังไม่อนุญาตก็ยังไม่สามารถขึ้นราคาขายได้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครทำเรื่องขอปรับราคาเข้ามาเพียงแค่พูดคุยกันเท่านั้น ขอย้ำว่าต้นทุนทางบัญชีเป็นเรื่องที่หลอกกันไม่ได้ ถ้าพบว่าใครให้ข้อมูลเท็จจะมีความผิดแน่นอน”.