พาณิชย์รับลูกนายกฯเยือนซาอุ เปิดแผนผลักดันส่งออก ไปซาอุ จัดผู้แทนการค้าเยือน โปรโมตสินค้าไทยตามซุปเปอร์ และติวผู้ส่งออกไทยบุกตลาด ชู ไก่ ฮาลาล ขยายตลาด ชี้ไทยมีโอกาสเพิ่ม หลังซาอุมีนโยบายเปิดประเทศ ซาอุดีวิชัน 2030 แย้มเอฟทีเอปี 64 ดันมูลค่าการค้ารวมทะลุ 10 ล้านล้าน โต 24%
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้เตรียมแผนส่งเสริมการส่งออกไทยกับซาอุดีอาระเบีย ภายหลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนตามคำเชิญ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี โดยในปีนี้ กรมและสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เมืองเจดดาห์ มีแผนนำคณะผู้แทนการค้าและนักธุรกิจ ทั้งจากไทยไปซาอุดีอาระเบีย และจากซาอุดีอาระเบียเยือนไทยเพื่อหารือถึงการขยายการค้าร่วมกัน พร้อมกับเร่งส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับซุปเปอร์มาร์เกตชั้นนำในซาอุดีอาระเบีย ตลอดจนนำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในซาอุดีอาระเบีย เช่น งานแสดงสินค้าอาหารและสินค้าฮาลาล หรือซาอุดี ฟู้ด เอ็กซ์โป
นอกจากนี้ กรมจะส่งเสริมประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าอาหาร สินค้าฮาลาล สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าความงาม ผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงจัดกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ด้านตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคเปิดกว้างทางวัฒนธรรมของซาอุฯ หรือซาอุดีอาระเบีย วิชัน 2030 และความสัมพันธ์ใหม่ไทย-ซาอุฯ รวมถึงการดำเนินกิจกรรมโครงการเสริมสร้างศักยภาพผู้ส่งออกไทย โดยเผยแพร่ข้อมูลการค้าในรูปแบบบันทึกเสียงออนไลน์ (พอดคาสต์) ให้รู้จักสินค้าจากไทยมากขึ้น
“โดยเฉพาะสินค้าไก่ และฮาลาล ซึ่งกรมมีแผนส่งเสริมการส่งออกไปยังซาอุฯเพิ่ม ตามนโยบายรองนายกฯ รมว.พาณิชย์”
นายภูสิตกล่าวว่า ซาอุฯถือเป็นตลาดการค้าที่มีโอกาสเติบโตได้ดี หลังจากรัฐบาลซาอุฯได้กำหนดยุทธศาสตร์ซาอุดีอาระเบียวิชัน 2030 เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่ โดยให้ลดการพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน และเพิ่มความหลากหลายทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งภาคบริการสาธารณะ การท่องเที่ยว การเสริมสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการลงทุน ทำให้ซาอุฯต้องนำเข้าสินค้าในการผลิตจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค แต่ก็ต้องระมัดระวัง มาตรการต่างๆ ที่ป้องกันการนำเข้าสินค้าและกฎหมายธุรกิจควบคุมด้านการเงิน
สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทย-ซาอุฯ ปี 64 อยู่ที่ 7,301 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโต 31.8% จากปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 5,539 ล้านเหรียญฯ แยกเป็นการส่งออก 1,638 ล้านเหรียญฯ และนำเข้า 5,662 ล้านเหรียญฯ
ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงสถิติการค้าไทยปี 64 กับ 18 ประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง ว่า มูลการค้ารวมของไทยกับ 18 ประเทศ เติบโตขึ้นมาก อยู่ที่ 342,050 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 10.8 ล้านล้านบาท ขยายตัว 24% จากปี 63 ขณะที่การส่งออกอยู่ที่ 166,960 ล้านเหรียญฯ หรือ 5.25 ล้านล้านบาท ขยายตัว 19% โดยการส่งออกไปชิลี โต 70% อินเดีย โต 55% นิวซีแลนด์ โต 51% เกาหลีใต้ โต 38% เปรู โต 33% จีน โต 25% ออสเตรเลีย โต 11% ญี่ปุ่น โต 10% ฮ่องกง โต 3% และอาเซียน โต 17%
สำหรับสินค้าที่ได้ดีมีทั้งสินค้าเกษตรพื้นฐาน ปศุสัตว์ และประมง มีมูลค่า 19,174 ล้านเหรียญฯ หรือ 602,826 ล้านบาท ขยายตัว 29% สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ยางพารา ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องเทศและสมุนไพร ผักสดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง
สำหรับกลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป ส่งออกมูลค่า 12,071 ล้านเหรียญฯ หรือ 380,589 ล้านบาท ขยายตัว 9% สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สิ่งปรุงรสอาหาร ไอศกรีม ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่า 126,293 ล้านเหรียญฯ หรือ 3.97 ล้านล้านบาท ขยายตัว 16% สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์และส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น.