กรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ลุ้น “จีดีพี” ปีเสือ 3-4.5%

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วยสภาหอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.ได้มีมติให้คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ โดยอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.0%-4.5% การส่งออกขยายตัว 3.0%-5.0% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 1.2%-2.0% แต่เห็นว่ารัฐบาล จะต้องมีมาตรการระยะสั้น เพื่อบรรเทาปัญหาสินค้าอาหารราคาแพง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคมากเกินไป

“แม้โอมิครอนแพร่ระบาดได้รวดเร็ว แต่ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 10,000 รายต่อวัน และรัฐบาลได้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้จำนวนมาก จึงมองว่าโอมิครอนไม่ส่งผลกระทบรุนแรงถึงขั้นต้องล็อกดาวน์ แต่อาจเป็นช่วงสั้นๆในไตรมาส 1 ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่หากไม่เกิดปัญหาเชื้อกลายพันธุ์ ภาวะเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2”

ที่ประชุมยังได้พิจารณา กรณีพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2564 ฉบับลงวันที่ 13 ธ.ค.2564 ที่มีผลใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. มีความไม่ชัดเจน กกร.จึงเห็นชอบที่จะทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังเพื่อขอขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90% ตามเดิมออกไปอีก 2 ปี โดยขอพิจารณาออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภทเพิ่มเติมอีกหนึ่งฉบับ เพื่อลดอัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินลงอีก 90% ตามมาตรา 55 เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับประชาชนและผู้ประกอบการทั่วประเทศ

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง และราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ แต่ก็ไม่ได้มาก เพราะยังมองเชิงบวกครึ่งปีหลังจะกลับมา และการส่งออกยังไปได้ดี และการแก้หนี้ครัวเรือน ต้องทำให้ครบทุกด้าน เพื่อให้แก้ไขแบบยั่งยืน แต่สำคัญสุดคือการสร้างความสามารถการทำรายได้ ที่ดูแลตัวเองและครอบครัวและการเข้าถึงแหล่งการเงิน โดยไม่พึ่งหนี้นอกระบบ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า มาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล ทั้งคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน สามารถประคองกำลังซื้อได้ระดับหนึ่ง แต่รัฐบาลต้องวางมาตรการเพิ่มเติมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ.