สมาคมผู้ค้าปลีกวอนรัฐคุมโอมิครอนให้อยู่หมัด เร่งมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

สมาคมผู้ค้าปลีกวอนรัฐคุมโอมิครอนให้อยู่หมัด เร่งมาตรการลดค่าครองชีพประชาชน

Date Time: 4 ม.ค. 2565 10:40 น.

Video

นักลงทุนรุ่นใหม่ ยังเป็น VI ได้ไหมในยุคนี้กับ “เซียนมี่ ทิวา” และ ”นิ้วโป้ง อธิป“ | Money Issue

Summary

  • สมาคมผู้ค้าปลีกไทย วอนรัฐบาลจัดการ "โอมิครอน" ให้อยู่หมัด แนะเร่งมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนพร้อมร่วมมือกับภาครัฐชู 5 แนวทางปฏิบัติพลิกฟื้นเศรษฐกิจ

Latest


สมาคมผู้ค้าปลีกไทย วอนรัฐบาลจัดการ "โอมิครอน" ให้อยู่หมัด แนะเร่งมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนพร้อมร่วมมือกับภาครัฐชู 5 แนวทางปฏิบัติพลิกฟื้นเศรษฐกิจ  

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 65 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกำลังระบาดทั่วโลก ซึ่งจากการศึกษาเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโอมิครอนพบว่า โอกาสของการติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้รวดเร็วกว่าโควิดสายพันธุ์อื่นๆ โดยไทยเองก็ได้มีการแพร่กระจายไปยัง 47 จังหวัดทั่วประเทศไทย

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นไปได้มากว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 30,000 คนต่อวัน ซึ่งเราน่าจะผ่านความท้าทายนี้ไปได้ไม่ยาก เศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้นตัวจากวิกฤติ และเราทุกคนต้องร่วมผลักดันไม่ให้ประเทศไทยของเราเข้าสู่วิกฤติอีกครั้ง เราไม่สามารถกลับมาเจอกับบาดแผลที่จะซ้ำตรงที่เดิมได้อีกแล้ว

ดังนั้นการทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อของโอมิครอนลดลง หรือให้มีจำนวนน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ เราต้องใช้ระบบป้องกันแบบปูพรม หรือ Innate Immunity เพิ่มความช่วยเหลือให้ SMEs ไทยมีสภาพคล่อง และการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นคีย์หลักที่สมาคมฯ พร้อมที่จะร่วมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้อีกครั้ง

โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทยจึงมีความกังวลต่อแนวโน้มของจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันสกัดการแพร่ระบาด และลดความรุนแรงให้ลดลงให้ได้มากที่สุด สมาคมฯ จึงขอนำเสนอแนวทางให้ความร่วมมือเพื่อร่วมกับภาครัฐในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ด้วยการช่วยเหลือให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง รวมทั้งฟื้นฟูและเยียวยา SMEs ไทย และขอร่วมผลักดันในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่าน 5 แนวทางดังนี้

1. สนับสนุนพื้นที่จุดฉีดวัคซีนทั่วประเทศ สมาคมฯ และภาคีเครือข่ายพร้อมที่จะนำพื้นที่จุดฉีดวัคซีนของภาคเอกชนกลับมาทันที เพื่อช่วยรัฐบาลในการเป็นจุดกระจายการฉีดวัคซีนให้เข้าถึงประชาชนทั่วประเทศอย่างทั่วถึง รวมทั้งให้การสนับสนุนหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่เพื่อให้ชุมชนต่างๆ เข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว

2. ยกระดับมาตรฐานสาธารณสุข สมาคมฯ และภาคีเครือข่าย ยังคงยกระดับมาตรการสาธารณสุขไทยอย่างเคร่งครัดเข้มข้นขั้นสูงสุด ยึดหลัก Covid Free Setting ทุกคนต้องป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) และพร้อมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามนโยบาย Work From Home เพื่อเป็นการช่วยลดการกระจายและแพร่ระบาดของโอมิครอน

3. ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยเร่งผลักดันให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยต่ำ ผ่านแฟลตฟอร์ม Digital Supplychain Finance ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย รวมทั้งยังลด Credit Term ให้สั้นลงเพื่อเสริมสภาพคล่องและช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นการสร้างแต้มต่อให้ SMEs ไทยสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

4. ตรึงราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค สมาคมฯ และภาคีเครือข่าย พร้อมสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนใน การช่วยลดภาระค่าครองชีพด้วยการตรึงราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

5. เร่งการลงทุนในประเทศ ภาคค้าปลีกและบริการ ยังคงไว้ซึ่งแผนการลงทุน และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการช่วยอัดฉีดเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย และยังสร้างการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่แล้วในระบบค้าปลีกและบริการกว่า 1.1 ล้านคน

ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องในเรื่อง ดังต่อไปนี้

1. รัฐต้องมีมาตรการเชิงรุกสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดให้มีการควบคุมอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม หากมีการระบาดในแต่ละพื้นที่ รัฐควรมีการปิดเฉพาะพื้นที่ที่เป็นคลัสเตอร์เท่านั้น

2. การยกระดับการเตรียมพร้อมของระบบสาธารณสุข

- เร่งกระจายวัคซีน ทั้งในส่วนที่ประชาชนได้จองไว้ผ่านโรงพยาบาลเอกชน และในส่วนที่รัฐบาลจัดหามา เพื่อให้วัคซีนกระจายถึงประชาชนให้มากที่สุดและเร็วที่สุด
- เสริมชุดตรวจ ATK ที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่ภาคเอกชนและประชาชนสามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้เป็นจำนวนมากเพื่อการตรวจเชื้อโควิด-19
- เตรียมยารักษาโควิด-19 ให้พร้อม เผื่อในกรณีที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในวงกว้าง เพื่อเป็นการตัดตอนการแพร่ระบาดให้ได้ทันท่วงที
- สำรองเตียงสำหรับผู้ป่วยหนักให้มีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นทั่วประเทศ

3. อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐที่มีผลลัพธ์ที่ดี เช่น โครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน เป็นต้น รวมทั้งการเร่งเบิกงบประมาณทุกหน่วยงานของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเงินหมุนเวียนในระบบฯ

4. ช่วยภาคเอกชนและประชาชนลดค่าใช้จ่าย โดยช่วยลดค่าน้ำ ค่าไฟ ลดเงินสมทบประกันสังคม ภาษีป้าย รวมถึงดอกเบี้ยเงินกู้จากสถาบันการเงิน ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ไม่มีการค้ำประกัน และพิจารณาลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการทั้งที่เกี่ยวข้องกับโควิดทางตรงและทางอ้อม

"สมาคมฯ ขอยืนยันให้การสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโอมิครอน และเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในสภาวะที่เปราะบางเช่นนี้ การร่วมมือกันจะเป็นพลังขับเคลื่อนหลักในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยอย่างมีประสิทธิผลและต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนได้ร่วมกันผ่านจุดที่ยากที่สุดมาแล้ว และเป็นอีกครั้งที่ทุกภาคส่วนต้องพร้อมใจร่วมฝ่าฟันความท้าทายครั้งนี้ ซึ่งจะนำบทเรียนการปรับตัวในอดีตมาปรับใช้ เพื่อเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้แก่ประเทศ แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดอีกกี่ครั้งก็ตาม".


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ