นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้โอนเงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 แล้วกว่า83,000 ล้านบาท มีเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.47 ล้านครัวเรือน และได้จ่ายค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแล้วกว่า 53,000 ล้านบาท เกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.59 ล้านครัวเรือน รวมเป็นเงินที่จ่ายให้กับเกษตรกรแล้วกว่า 136,000 ล้านบาท
ขณะที่นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่า วันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 64/65 งวดที่ 11 โดยมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 64/65 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยววันที่ 17-23 ธ.ค.64 จำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ชดเชยตันละ 3,799.39 บาท, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ชดเชยตันละ 3,132.40 บาท, ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาเกณฑ์กลาง ชดเชยตันละ 1,063.33 บาท, ข้าวเปลือกเจ้า ชดเชยตันละ 1,845.71 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ชดเชยตันละ 2,683.85 บาท “เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่างงวดที่ 11 สูงสุด ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ครัวเรือนละ 53,191.46 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 50,188.40 บาท โดย ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรภายใน 3 วันทำการหลังประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงแล้ว”.