ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้นำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศราว 5-6 ยี่ห้อ อาทิ บริษัทฟิลลิป มอร์ริส เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทลีดอน ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้แจ้งขอปรับราคาขายปลีกตามโครงสร้างภาษีใหม่แล้ว โดยมีผลในเดือน พ.ย.นี้เป็นต้นไป โดยบุหรี่นอกที่ได้รับความนิยม แจ้งปรับราคาขายปลีกซองละ 10 บาท จากเดิมราคาขายปลีก 60 บาท ปรับเป็น 70 บาท ส่วนกลุ่มบุหรี่ราคาแพง ตั้งแต่ 145-165 บาท จะยังไม่ปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้การยาสูบแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้แจ้งปรับขึ้นราคาขายปลีกบุหรี่ไป 16 ยี่ห้อ เฉลี่ยซองละ 6-8 บาท อาทิ บุหรี่ซองละ 55 บาท ปรับขึ้นเป็น 63 บาท ราคาซองละ 60 บาท ขึ้นเป็น 66 บาท ส่วนบุหรี่ราคาแพงขึ้นจากซองละ 95 บาท เป็น 102 บาท
สำหรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น กำหนดให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าเสียภาษีทั้งปริมาณและมูลค่า โดยบุหรี่ที่มีขายปลีกแนะนำไม่เกินซองละ 72 บาท จะเสียภาษีมูลค่าอัตรา 25% และปริมาณ 1.25 บาทต่อมวน ส่วนบุหรี่ราคาแนะนำซองละเกินกว่า 72 บาทขึ้นไป จะเสียภาษีมูลค่าในอัตรา 42% และตามปริมาณ 1.25 บาทต่อมวน มีผลทำให้ราคาขายปลีกปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งร้านค้าขายปลีกบุหรี่ได้ทยอยปรับขึ้นราคาตามผู้ผลิตและนำเข้าเป็นที่เรียบร้อย.