นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาสินค้าจะขยับขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล จากที่เคยมีราคา 20-30 เหรียญฯ/บาร์เรล และยังไม่เห็นสัญญาณลดลง แต่มีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 100 เหรียญฯ/บาร์เรลในครึ่งแรกปี 65 ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นตาม จึงอยากให้ผู้บริโภคทำใจและเตรียมรับมือกับราคาสินค้าที่จะขยับขึ้น ส่วนการหยุดวิ่งรถขนส่งของกลุ่มสหพันธ์ขนส่งแห่งประเทศไทย เพื่อกดดันให้ลดราคาน้ำมันดีเซลลงเหลือ 25 บาท/ลิตรนั้น มีผลกระทบกับเอสเอ็มอีที่ไม่มีรถขนส่งของตัวเอง จึงต้องการให้รัฐบาลวางแผนแก้ปัญหาด้วย
ส่วนการเปิดประเทศรับต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มโดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้ เป็นความหวังของเอกชน โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่จะได้เงินกู้จากสถาบันการเงินหลังกลับมาทำธุรกิจปกติ และหากโควิดไม่กลับมาระบาดอีกรอบ และรัฐบาลฉีดวัคซีนให้ได้ 110 ล้านโดสต่อเนื่องถึงปี 65 จะทำให้ 2 เดือนที่เหลือปีนี้ นักท่องเที่ยวจะเข้าไทย 600,000 คน และปีหน้าจะสูงถึง 10 ล้านคน ส่งผลให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัว 1-1.5% และปีหน้าไม่ต่ำกว่า 6% “การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันวันที่ 3 พ.ย.นี้ คงติดตามผลการเปิดประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เอกชนเสนอไป หลังรัฐขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะ ทำให้ก่อหนี้มากระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น แต่เอกชนอยากให้ฟื้นโครงการช้อปดีมีคืนมาช่วยเพิ่มเงินในระบบช่วงที่เหลือปีนี้ ซึ่งจะเพิ่มได้มากกว่า “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่ไม่ตอบโจทย์กลุ่มกำลังซื้อสูง”
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัญหาราคาน้ำมันสูงขึ้นน่ากังวลมาก ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลล้มเพราะราคาน้ำมันมาแล้ว แต่ตอนนี้โชคดีที่เศรษฐกิจเริ่มแข็งแรง ต้องไปดูเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่าเหลือเท่าไร ต้องหามาเพิ่มหรือไม่ ที่สำคัญรัฐต้องเร่งทำให้เศรษฐกิจดี หากเศรษฐกิจดีผู้ประกอบการรถบรรทุกจะสามารถขึ้นค่าขนส่งได้ ผู้ประกอบการที่ใช้บริการก็จะมีเงินมาจ่ายได้ รวมทั้งการแก้ปัญหาระยะยาวทั้งการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดใช้น้ำมันฟอสซิลที่ราคาจะไม่กลับไปต่ำแบบในอดีต 30-40 เหรียญฯ/บาร์เรล.