นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ออสเตรเลียได้ประกาศยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) กับสับปะรดกระป๋อง สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร (ขนาดมากกว่า 1 ลิตร) และสำหรับผู้บริโภค (ขนาดไม่เกิน 1 ลิตร) และกระจกโฟลตใสจากไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.64 เป็นต้นไป โดยสับปะรดกระป๋อง ออสเตรเลียได้ประกาศให้ยุติการใช้มาตรการกับสินค้าทั้งจากไทยและฟิลิปปินส์ เพราะอุตสาหกรรมในออสเตรเลียไม่ได้รับความเสียหายจากสินค้านำเข้าทั้ง 2 ประเทศแล้ว ถือเป็นการปิดฉากการใช้มาตรการเอดี โดยเรียกเก็บอากรเอดีกับสับปะรดกระป๋องจากไทยในอัตรา 2.6-28.6% ของราคาซี.ไอ.เอฟ. (ราคารวมค่าระวางเรือและค่าประกัน) ยาวนานถึง 20 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.44
ส่วนกระจกโฟลตใส ออสเตรเลียได้ประกาศยุติการใช้มาตรการกับสินค้าจากไทยและจีน เพราะไม่มีเหตุให้เชื่อว่าไทยจะทุ่มตลาดอีก หรือตั้งราคาขายในออสเตรเลียต่ำกว่าราคาที่ขายในไทย แต่ยังใช้มาตรการกับสินค้าจากอินโดนีเซียต่อไป โดยเก็บอากรเอดีที่ 15.3-28.3% ซึ่งจะทำให้ไทยได้เปรียบในการแข่งขัน ที่ผ่านมาไทยถูกเรียกเก็บอากรเอดีกับสินค้านี้ 8.8-25.8% นานถึง 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค.54
“การประกาศยุติใช้มาตรการเอดีกับสินค้าไทยเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกสินค้าทั้ง 2 รายการ เพราะจะทำให้ผู้นำเข้าในออสเตรเลียสั่งสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้นำเข้าไม่ต้องจ่ายอากรเอดี โดยเฉพาะสับปะรดกระป๋องสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ที่ออสเตรเลียมีสับปะรดสดจำกัดจึงต้องพึ่งพาการนำเข้า จากนี้ไปขอให้ผู้ส่งออกไทยระมัดระวังการกำหนดราคาส่งออก หากส่งออกด้วยราคาทุ่มตลาด ออสเตรเลียก็อาจฟ้องเพื่อใช้มาตรการตอบโต้อีกครั้งได้ ซึ่งในช่วงปี 61-ปัจจุบัน ออสเตรเลียนำเข้าสับปะรดกระป๋องจากไทย 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 297 ล้านบาท (33บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ).