เปิดแผนระดมทุนครั้งยิ่งใหญ่ “แฟลช” ลุยอาเซียน-จ่อเข้าตลาดหุ้นในอีก 5 ปี

“แฟลชกรุ๊ป” สตาร์ตอัพยูนิคอร์น มูลค่าบริษัททะลุ 1,000 ล้านเหรียญฯ รายแรกของประเทศไทย เปิดแผนปีหน้า ระดมทุนมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พุ่งสู่เป้าหมายขยายธุรกิจครบ 10 ประเทศอาเซียนใน 3 ปี และเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 5 ปี

นายคมสันต์ ลี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจแฟลช (Flash Group) ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) สัญชาติไทยแบบครบวงจร เปิดเผยว่า แฟลชกรุ๊ปมีแผนระดมทุนเพิ่มครั้งใหญ่ อันอาจกล่าวได้ว่าจะเป็นการระดมทุนในมูลค่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อที่จะทำให้เป้าหมายในการเดินหน้าสู่การเป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซครบ วงจรระดับอาเซียนสำเร็จได้ภายใน 5 ปีข้างหน้า

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2564 แฟลชกรุ๊ปเพิ่งประกาศความสำเร็จในการระดมทุนครั้งที่ 6 ในรอบ E มูลค่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 4,700 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นอยู่ทั้งสิ้น 8 กลุ่ม (รวมแฟลชกรุ๊ป) ได้แก่ กลุ่ม ปตท., กลุ่มกระทิงแดง, กรุงศรี ฟินโนเวต, บริษัท จันวาณิชย์, SCB 10X ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ รวม 2 นักลงทุนต่างประเทศ Buer Capital และ eWTP

รักษา DNA สตาร์ตอัพไซส์ XL

การระดมทุนครั้งล่าสุดยังทำให้มูลค่าของแฟลชทะยานขึ้นสู่ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 31,000 ล้านบาท) ขึ้นแท่นสตาร์ตอัพระดับยูนิคอร์น (มูลค่าบริษัทเกิน 1,000 ล้านเหรียญฯ) เป็นแห่งแรกของประเทศ ไทย ภายในเวลาไม่ถึง 4 ปี นับจากเริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2560 และเริ่มให้บริการในปี 2561

กระนั้นการเติบโตชั่วพริบตาและการขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดด ทั้งในแง่มูลค่า ขอบเขตการให้บริการ และจำนวนพนักงานซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 40,000 คน (รวมบริษัทในต่างประเทศ) ไม่ใช่อุปสรรค ในการรักษาไว้ซึ่งจิตวิญญาณ หรือ DNA ของสตาร์ตอัพ โดยซีอีโอแฟลชวัย 30 ปี อธิบายว่า สตาร์ตอัพไม่ใช่นามสกุลและไม่เกี่ยวกับขนาด ตราบใด ที่องค์กรและพนักงานยังเปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงและปัญหา ยืดหยุ่น กระตือรือร้น ซึ่งแน่นอนว่าคนอายุน้อยจะมีคุณสมบัตินี้มากกว่า นั่นเป็นเหตุให้อายุเฉลี่ยพนักงานของแฟลชอยู่ที่ประมาณ 28 ปี แต่เมื่อบริษัทเติบโตขึ้น ยอมรับว่าต้องการบุคลากรที่มีประสบการณ์มากขึ้น อายุเฉลี่ยของพนักงานระดับบริหารจึงอยู่ที่ 35-40 ปี สูงสุดอยู่ที่ 54 ปี

เปิดงบลงทุนตลาดต่างประเทศ

เขายังกล่าวถึงแผนในการบุกสู่ตลาดอาเซียน 10 ประเทศว่า หากทำได้ ตั้งใจขยายบริการของแฟลชให้ครบ 10 ประเทศอาเซียนให้ได้ภายใน 3 ปี และขยับขึ้นสู่ 1 ใน 3 ของผู้ให้บริการระดับอาเซียนภายใน 5 ปี โดยปัจจุบันแฟลชได้ก้าวเข้าสู่ประเทศ ฟิลิปปินส์ มาเลเซียและลาว เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อเดือน มิ.ย.2564

“การบุกตลาดใหม่เริ่มต้นจากอาเซียน และในอนาคตมองไปถึงตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และแอฟริกานั้น ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ผมไม่ได้เคาะงบเลยนะ ใช้เท่าไรก็เท่านั้น เพราะมันกำหนดไม่ได้ธุรกิจ ขนส่งไม่ต่างอะไรกับการสร้างทางด่วน เราต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ไม่ว่าประเทศนั้นจะเล็กหรือใหญ่ เฉลี่ยลงทุนเริ่มต้นในแต่ละประเทศไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท นี่เป็นเหตุให้เราต้องระดมทุนต่อเนื่อง รอบใหม่ครั้งใหญ่น่าจะไม่เกินปีหน้า”

ส่วนเมื่อถามถึงการแข่งขันในประเทศ ซึ่งปัจจุบันแฟลชถือเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นรายใหญ่ นอกจากไปรษณีย์ไทยและเคอร์รี่ (Kerry) นายคมสันให้ความเห็นว่า แต่ละรายมีจุดอ่อน-จุดแข็งที่ต่างกัน สำหรับแฟลชมีเทคโนโลยีเป็น อาวุธ ขณะที่รากเหง้าของความเป็นสตาร์ตอัพ ทำให้ เคลื่อนไหวง่าย ยืดหยุ่นกว่า โดยมองว่าเป้าหมายของแต่ละรายจากนี้ไม่น่าต่างกัน นั่นคือมุ่งไปสู่การขยายบริการที่หลากหลาย ครบวงจรมากขึ้น

โดยปัจจุบันแฟลชกรุ๊ป ซึ่งจำกัดความตัวเองว่าเป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซครบวงจร มี ธุรกิจในเครือกว่า 10 บริษัท นำโดยธุรกิจสร้างชื่อ ในนามบริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด ผู้ให้บริการขนส่งสีเหลืองที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี และยังมีบริการด้านโลจิสติกส์ (Flash Logistics) รับส่งสินค้าขนาดใหญ่, บริการด้านคลังสินค้า (Flash Fulfillment) ดูแลจัดเก็บสินค้า บริการด้านการเงิน (Flash Money/Flash Pay)บริการด้านเทคโนโลยี (Flash AI) และล่าสุดยังเพิ่งรุกเข้าสู่ธุรกิจขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบด่วน (Cold Chain Express)

รายได้แฟลชปี 63 เฉียดหมื่นล้าน

ส่วนเมื่อถามถึงการแข่งขันในระดับภูมิภาค ซีอีโอแฟลชมั่นใจจุดแข็งในฐานะผู้บริการอีคอม เมิร์ซครบวงจร ซึ่งเชื่อว่ายังไม่มีผู้เล่นรายใดในโลกทำ คำว่าครบวงจรประกอบด้วยระบบคลังที่รับจัดเก็บ แพ็ก และส่งสินค้าถึงมือลูกค้า ซึ่งน่าจะตอบโจทย์พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งอีคอมเมิร์ซมีอัตราเติบโตสูงได้เป็นอย่างดี “ผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะเลือกให้บริการบางส่วน ยังไม่มีการแข่งขันในตลาดที่ให้บริการครบวงจรเท่าใดนัก แม้กระทั่งในจีน ซึ่งอีคอมเมิร์ซรุ่งเรืองมาก เนื่องจากตลาดมีขนาดใหญ่ ให้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งก็สร้างมูลค่าได้มากพอแล้ว”

ส่วนการจะปลดแอกจากการเป็นสตาร์ตอัพเพื่อการเติบโตในระดับต่อไปนั้น นายคมสันมองไปถึงการนำแฟลชกรุ๊ปเข้าสู่การกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 5 ปี โดยผลประกอบการ 2 ปีล่าสุดของแฟลช เอ็กซ์เพรส ที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าปี 2562 มีรายได้ 2,122 ล้านบาท ขาดทุน 1,665 ล้านบาท ปี 2563 รายได้ 9,728 ล้านบาท ขาดทุน 716 ล้านบาท ซึ่งหลังกระจายหุ้นเขายังปรารถนาที่จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ต่อไปและยังบอกไม่ ได้ว่าจะกระจายหุ้นในตลาด หลักทรัพย์ไทยหรือไม่ แม้ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว.