แห่ขอ “บีโอไอ” 5 แสนล้าน “กกร.” ปรับเป้า “จีดีพี” ปีนี้เติบโต 0.0-1%

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

แห่ขอ “บีโอไอ” 5 แสนล้าน “กกร.” ปรับเป้า “จีดีพี” ปีนี้เติบโต 0.0-1%

Date Time: 12 ต.ค. 2564 06:01 น.

Summary

  • “กกร.”ปรับจีดีพีปีนี้เพิ่มเป็น 0.0-1% จากเดิม –0.5–1% เหตุมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้น ส่วนส่งออกคาดโต 12-14% ร่อนหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีสัปดาห์นี้ หารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสิ้นปีนี้

Latest

5 วิชา “การเงิน การลงทุน” ต้องรู้! เป็นหนี้อย่างไร? ให้มี “เงินเก็บ” เกษียณแบบมีรายได้

“กกร.”ปรับจีดีพีปีนี้เพิ่มเป็น 0.0-1% จากเดิม –0.5–1% เหตุมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้น ส่วนส่งออกคาดโต 12-14% ร่อนหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีสัปดาห์นี้ หารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสิ้นปีนี้ “บีโอไอ”ปลื้ม 9 เดือนแรกปีนี้ ยอดขอรับส่งเสริมทะลุ 520,680 ล้านบาท

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.ได้ปรับอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ให้ดีขึ้นจากที่เดือน ก.ย. ที่ประเมินว่าจีดีพีปีนี้
จะขยายตัว -0.5-1% ให้เป็นขยายตัว 0.0-1% และการส่งออกยังคงเดิมที่ 12-14% ขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปที่ 1-1.2% เนื่องจากมีปัจจัยบวกเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลจะต้องมีมาตรการเสริมอื่นๆเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นภายในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ

“กกร.กำลังทำข้อเสนอ เรื่องมาตรการการเงิน การคลัง และภาษีเพื่อส่งหนังสือ ขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เสนอแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายในสัปดาห์นี้ กกร.ยังเชื่อว่าจีดีพีปีนี้จะไม่ติดลบเพราะเศรษฐกิจไทยเริ่มมีปัจจัยบวก เพราะการระบาดของโควิด-19 ที่ลดลง, รัฐบาลผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเปิดดำเนินการได้ ซึ่งต้องจับตามองมาตรการที่จะออกมาในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ ว่ามีอะไรบ้าง”

ทั้งนี้ กกร.ได้เสนอให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจในปลายปีนี้ ทั้งโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3, โครงการเที่ยวด้วยกันระยะที่ 3 หรือ ช้อปดีมีคืน ที่ต้องเร่งให้เกิดการใช้จ่ายภายในเดือน พ.ย.-ม.ค.2565 นี้ และอยากให้เติมเงินคนละครึ่งเป็น 6,000 บาท และแผนเปิดประเทศ ที่ต้องการให้มีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ น้ำท่วม ที่คาดว่าผลกระทบต่อจีดีพี 0.1% หรือ 15,000 ล้านบาท, ราคาน้ำมันที่แม้ว่ามีการดูแลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร แต่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และได้เตรียมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี, รมว.ต่างประเทศ, รมว.พาณิชย์ เพื่อนำเสนอผลการศึกษาเกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ของภาคเอกชน รวมถึงจะขอหารือถึงท่าทีของไทยที่ควรเร่งรัดการพิจารณาเรื่องนี้

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า 9 เดือนแรกของปีนี้ มีโครงการขอรับส่งเสริมการลงทุน 1,273 โครงการ เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีวงเงินรวม 520,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามีมูลค่าขอรับการส่งเสริม 432,000 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายมีการขอรับส่งเสริม รวม 269,730 ล้านบาท คิดเป็น 52% ของมูลค่าการขอรับส่งเสริมทั้งหมด

อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด อันดับ 1.ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 77,210 ล้านบาท 2.อุตสาหกรรมการแพทย์ 59,210 ล้านบาท เนื่องจากโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการสินค้าที่ใช้ในการป้องกันเชื้อ เช่น ถุงมือยาง เพิ่มขึ้น 3.ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 36,760 ล้านบาท 4.การเกษตรและแปรรูปอาหาร 31,660 ล้านบาท เป็นต้น และมูลค่าขอรับการส่งเสริมจากต่างประเทศ (FDI) มี 587 โครงการ รวม 372,068 ล้านบาท ประเทศที่มีมูลค่าลงทุนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 67,816 ล้านบาท สหรัฐฯ 26,936 ล้านบาท สิงคโปร์ 26,882 ล้านบาท

“เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการขอรับส่งเสริม 348 โครงการ รวม 173,780 ล้านบาท จังหวัดระยอง มีเงินลงทุน 91,670 ล้านบาท ชลบุรี มีเงินลงทุน 54,310 ล้านบาท ฉะเชิงเทรา มีเงินลงทุน 27,800 ล้านบาท”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ