นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว กนอ.จึงได้เร่งเดินหน้าโครงการสำคัญๆ อาทิ โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค (Smart Park) ที่จะเปิดดำเนินการได้ในปี 2567 เพื่อดึงดูดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) แบ่งพื้นที่รองรับการลงทุน ดังนี้ อุตสาหกรรมการบิน 301.70 ไร่ อุตสาหกรรมการแพทย์ 182 ไร่ อุตสาหกรรมดิจิทัล 163 ไร่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 75 ไร่
สำหรับผลประโยชน์ทางตรงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หลังเริ่มมีการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค คือ ช่วยผลักดันการขยายตัวของอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 53,000 ล้านบาทต่อปี ส่งผลให้เกิดเงินหมุนเวียนในชุมชน 24 ล้านบาทต่อปี ในระยะดำเนินการคาดว่าจะมีการจ้างงาน 7,500 คน ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ 1,400 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน กนอ.ยังได้เดินหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่จะเปิดดำเนินการตามแผนในปี 2569 เพื่อทำให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของอาเซียน และสนับสนุนการลงทุนอุตสาหกรรมหลักของประเทศ
“ในปีนี้มีนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานแห่งใหม่ ที่จะจัดตั้งในพื้นที่อีอีซีรวม 4 แห่ง ได้แก่ 1.นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง จังหวัดระยอง พื้นที่ 621 ไร่ 2.นิคมอุตสาหกรรมโรจนะหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี พื้นที่ 1,987 ไร่ 3.นิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ 2,191 ไร่ และ 4.นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทคซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ 1,181 ไร่”.