กระแส Plant based Food หรือ โปรตีนจากพืช ไม่ได้บูมแค่ในคนที่ทานมังสวิรัติ และชาววีแกนเท่านั้น แต่ปัจจุบันการทานโปรตีนจากพืช กลายเป็นที่นิยมของบุคคลทั่วไปที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น แม้จะไม่ได้ทานกันทุกมื้อก็ตาม
ที่สำคัญ โปรตีนจากพืช ที่หลายคนชอบเรียกว่า เนื้อสัตว์เทียมนั้นให้รสสัมผัสใกล้เคียงกับรสชาติของเนื้อสัตว์จริงๆ ซึ่งถ้านำมาปรุงรสชาติดีๆ บางคนทานก็ไม่รู้ว่านี่ เนื้อแท้ หรือ เนื้อเทียม และด้วยความนิยมของ Plant based Food ในต่างประเทศ และกำลังเป็นที่นิยมในไทย จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ประกอบการไทย และเกษตรกรไทยเห็นช่องทางในการร่วมมือกันเพื่อเป็นผู้ผลิตสำคัญในห่วงโซ่อุปทานในธุรกิจ Plant based Food
โดย ภาณุวัตร กิ้มหิ้น กรรมการบริษัท อินโนโฟ จำกัด ผู้พัฒนา MJ Mudjai plant based food เล่าถึงจุดเริ่มต้นก่อนจะเข้ามาในธุรกิจ Plant based Food ว่า ที่ผ่านมาผมปลูกยางพาราเป็นหลัก แต่ความไม่แน่นอนของราคายางที่บางปีต่ำมาก บางปีสูงมาก ทำให้ผมไม่สามารถควบคุมรายได้ในแต่ละปี รวมไปถึงต้นทุนการลงทุนและกำไรค่อนข้างไม่สอดรับกับต้นทุน จึงทำให้เริ่มมองหาอาชีพเสริมด้านอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้จึงเป็นที่มาของการเริ่มต้นทำฟาร์มเห็ดแครง
ผมใช้วิธีปลูกแซมในร่องสวนยาง เพราะเพื่อนทำอยู่ และรายได้ค่อนข้างดีสามารถขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 250 บาท ประกอบกับในพื้นที่สามารถเพาะเห็ดแครงได้ในคุณภาพดี ผมจึงหันมาร่วมกับเพื่อนๆ ทำฟาร์มเห็ดแครงและเริ่มทำเห็ดแครงอบแห้ง ส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ เพื่อทดลองตลาดก่อน แต่ปรากฏว่าเห็ดแครงอบแห้งได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เพราะสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง
หลังจากนั้นได้มีการส่งเสริมให้เกษตรในพื้นที่หันมาเพาะเห็ดแครงกันมากขึ้น เพื่อทำเป็นรายได้เสริมในช่วงที่ไม่สามารถกรีดยางได้ หรือในช่วงที่ราคายางตกต่ำ เมื่อเห็นช่องทางและมีประสบการณ์การเพาะเห็ดแครง รวมถึงปริมาณความต้องการที่มากขึ้น ผมและเพื่อนเริ่มร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทขึ้นมา และเริ่มมองหาวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเห็ดแครงให้มีความหลากหลาย
รวมไปถึงเปิดสอนพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ที่สนใจเพาะปลูกเห็ดแครง จนสร้างเป็นเครือข่ายเกษตรกรเพื่อช่วยเหลือเรื่องความรู้ และรับซื้อผลผลิตคืน เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้ โดยเริ่มจากการพิจารณาคุณสมบัติของเห็ดแครงที่มีความหนึบคล้ายเนื้อสัตว์ก่อน และมีสารอาหารประเภทโปรตีนสูงและต่อยอดโดยการคิดว่าเราจะสามารถทำอะไรกับคุณสมบัติพิเศษของเห็ดแครงได้บ้าง จนเป็นที่มาของการพัฒนา Plant based Food ในชื่อ Mudjai : มัดใจ
ทั้งนี้ พอผมได้เข้าร่วมโครงการกับหน่วยงานรัฐ จึงทำให้รู้ว่าตลาดแพลนต์เบสในต่างประเทศกำลังโตมาก แต่ในขณะนั้นประเทศไทยยังไม่ได้มีการพูดถึงมากเท่าที่ควร และยังไม่มีการผลิตแพลนต์เบสขึ้นมาขายในประเทศเอง แต่เป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศเท่านั้น
"ผมและทีมงานจึงจุดประกายแนวคิดว่าเราควรจะทำแพลนต์เบสจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่สามารถเสิร์ฟไปให้คนทั่วโลกได้ลองรับประทานได้ จึงเป็นที่มาของแบรนด์มัดใจ และได้เริ่มคิดสูตรที่จะนำเห็ดแครงมาพัฒนาเป็นโปรตีนทางเลือกให้แก่กลุ่มคนที่รับประทานมังสวิรัติ หรือวีแกน รวมไปถึงกลุ่มคนที่ดูแลสุขภาพ จากนั้นประมาณช่วงปี 2018 จึงเริ่มปล่อยผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ซึ่งพบว่าได้รับความนิยมค่อนข้างดี"
รู้จัก "เห็ดแครง" เห็ดท้องถิ่นของดีจากภาคใต้
สำหรับเห็ดแครงนั้นเป็นเห็ดท้องถิ่นของทางภาคใต้ ที่พบมากในฤดูฝน ดอกขนาดเล็ก 1-4 ซม.สีขาวอมน้ำตาล คุณสมบัติที่โดเด่นของเห็ดแครงคือมีเนื้อสัมผัสที่เด้งสู้ฟัน มีโปรตีนค่อนข้างสูง ประมาณ 17% ซึ่งเห็ดชนิดอื่นๆ มีแค่ 2-3% มีสารเบต้ากลูแคนสูง ซึ่งช่วยในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง
รวมทั้งมีกรดอะมิโนจำเป็นทุกชนิดเหมือนกับเนื้อสัตว์ และมีไฟเบอร์ หรือ fiber สูงช่วยในระบบการย่อยและการขับถ่าย ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจึงเป็นข้อแตกต่างของแบรนด์มัดใจและแบรนด์อื่นๆ อย่างมาก ซึ่งจะเห็นได้ว่าแพลนต์เบสของเราเป็นอาหารที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อความยั่งยืนของจริงแพลนต์เบสที่เป็นมากกว่าอาหารเพื่อสุขภาพ
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของทางบริษัทที่วางจำหน่ายมีทั้งหมด 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร Freeze dry เป็นการแปรรูปอาหารให้คงไว้ ซึ่งรสชาติเหมือนรสชาติอาหารสด ซึ่งจะมีทั้งหมด 2 เมนู ได้แก่ ลาบ แกงคั่ว ทั้งสองเมนูจะใช้เห็ดแครงเป็นวัตถุดิบหลัก และผสมผสานสมุนไพรท้องถิ่นเข้าไป นอกจากจะให้รสชาติดีแล้ว สมุนไพรยังส่งผลต่อร่างกายร่วมด้วย
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอาหารแช่แข็ง หรือ Frozen จะเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แพลนต์เบสจากเห็ดแครงและขนุนอ่อน แบบไม่มีการปรุงแต่งรสชาติ ไม่ใส่สี และไม่แต่งกลิ่น เน้นการให้รสชาติที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด เพื่อให้ผู้บริโภคนำไปปรุงอาหารได้ตามใจชอบ
นอกจากนี้ ทางแบรนด์มัดใจยังได้ตระหนักถึงแนวการบริโภคของกลุ่มผู้รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ขณะนี้ไม่ได้ต้องการแต่เรื่องคุณประโยชน์แต่ต้องควบคู่ไปกับรสชาติที่ดี จึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเพื่อให้มีความหลากหลายอย่างหมูปิ้งแพลนต์เบสไขมันต่ำที่ทางบริษัทมีการเสียบไม้ ปรุงให้รสชาติอร่อยเสมือนหมูปิ้งของจริงเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนที่เลือกทานโปรตีนทางเลือกเพื่อสุขภาพแบรนด์ชุมชนกับแนวคิดติดปีกสู่ตลาดโลก
อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่า โปรตีนจากพืช เป็นอาหารทางเลือกที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป และตะวันตก ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาผู้บริโภคเริ่มหันมาสนใจ และให้ความสำคัญกับอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม การทำธุรกิจอาหารที่เป็นมิตรกับคนและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการทำธุรกิจแบบ Circular Economy จากการเล็งเห็นความนิยมดังกล่าว ทางแบรนด์จึงมีแนวคิดที่จะนำสินค้าแพลนต์เบสไทยให้เป็นที่รู้จัก และต่อยอดวัตถุดิบให้มีมูลค่าที่สูงขึ้น
มีโอกาสโตในตลาดโลก
ภาณุวัตร กล่าวอีกว่า ล่าสุดผมได้โครงการพัฒนานักส่งออกรุ่นใหม่ : Young Exporter from Local to Global หรือ YELG โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ทำให้บริษัทได้กลยุทธ์ใหม่ๆ และได้แนวทางสำหรับการทำธุรกิจส่งออกไปต่างประเทศค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นหลักการบริหารจัดการงบประมาณ ช่องทางในการขออนุญาตสำหรับทำการส่งออก
รวมไปถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมของตลาด ความรู้เหล่านี้ช่วยให้การวางแผนธุรกิจเป็นไปในทิศทางที่ดีและเหมาะสม และแน่นอนว่าความรู้ทีได้มาจะช่วยขับเคลื่อนให้เป้าหมายการส่งสินค้าไปจำหน่ายต่างประเทศเป็นจริงได้มากขึ้นด้วย โดยบริษัทวางแผนว่าหลังจากจบการระบาดโควิด – 19 จะเดินหน้าเพื่อส่งสินค้าไปขายในต่างประเทศตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์แพลนต์เบสในตลาดทั่วๆ ไปนั้น ผมมองว่าสิ่งสำคัญคือการขายความจริงให้กับผู้บริโภคผ่านการส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานให้กับลูกค้า รวมไปถึงการนำเอาอัตลักษณ์ของพืชทางการเกษตรของประเทศไทยมาพัฒนาเป็นแพลนต์เบสที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับต่างประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการทำ CSR ร่วมกับชุมชนโดยการรับซื้อเห็ดจากลูกฟาร์มในพื้นที่ เพื่อเกื้อหนุนให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงมากกว่าที่เป็นอยู่ รวมไปถึงเป้าหมายในการผลักดันให้เห็ดแครงกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยอีกหนึ่งชนิด ที่จะมีบทบาทเข้ามาขับเคลื่อนมูลค่าสินค้าชุมชนในภาพรวม ซึ่งความยั่งยืนทั้งระบบเหล่านี้เรายังไม่ได้เห็นในตลาดแพลนต์เบสในบ้านเราเท่าไหร่นัก