นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ปรับเงื่อนไขการใช้จ่ายโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ให้สามารถที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายได้มากขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ สามารถเข้าร่วมการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มสั่งอาหารดีลิเวอรีออนไลน์ได้ ตั้งแต่เดือน ต.ค.64 เป็นต้นไป เช่นเดียวกับร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” ซึ่งจะสามารถรับเงินผ่านโครงการ จากผู้ใช้สิทธิที่สั่งอาหารจากแพลตฟอร์มดีลิเวอรีได้ช่วงเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้เช่นกัน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน สามารถใช้จ่ายได้ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอของภาคเอกชน ที่ต้องการให้นำโครงการช้อปดีมีคืน กลับมากระตุ้นการใช้จ่ายอีกครั้ง ส่วนจะออกมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ได้หรือไม่นั้น ยังจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสมของสถานการรณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกครั้งว่าเอื้ออำนวยหรือไม่ ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ยังมีเม็ดเงินจากโครงการคนละครึ่ง และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้
นางสาวกุลยา กล่าวต่อว่า กรณีที่ภาคเอกชนเสนอปรับเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายในผ่านโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ให้สามารถใช้จ่ายในวงเงินสูงสุดถึง 500,000 บาทนั้น ในขณะนี้กระทรวงการคลัง ยังยืนยันที่จะใช้หลักเกณฑ์เดิมและวงเงินเดิมอยู่ คือ สามารถการใช้จ่ายได้สูงสุด 60,000 บาท จะได้รับคูปองส่วนลด หรือ E-voucher มูลค่าสูงสุด ไม่เกิน 7,000 บาท โดยสามารถใช้จ่ายได้สูงสุดไม่เกินวันละ 10,000 บาท ซึ่งมีระยะเวลาใช้จ่ายผ่าน G-wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อมาคำนวณสิทธิ E-voucher-30 พ.ย.นี้
ทั้งนี้ สำหรับยอดการใช้จ่ายผ่านโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ล่าสุดใช้จ่ายไปแล้วกว่า 1,700 ล้านบาท จากผู้ใช้สิทธิ์ 69,752 คน ขณะที่โครงการคนละครึ่ง มียอดการใช้จ่ายแล้วกว่า 62,503 ล้านบาท จากผู้ใช้สิทธิ 26.8 ล้านคน