นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยระหว่างเป็นประธานเปิดการประมูลสุดยอด กาแฟไทยปี 64 ผ่านระบบออนไลน์ ชิงรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า ในปีนี้เป็นการจัดประมูลสุดยอดกาแฟผ่านระบบออนไลน์ครั้งแรก โดยความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ องค์การกาแฟระหว่างประเทศ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภาคเอกชน และเกษตรกร โดยกาแฟมีมูลค่าการค้ากว่า 33,000 ล้านบาท
โดย 5 ปีที่ผ่านมา ไทยมีความต้องการใช้เมล็ดกาแฟเฉลี่ยที่ 88,862 ตันต่อปี แต่ผลิตเมล็ดกาแฟดิบได้เฉลี่ย 24,671 ตันต่อปี หรือ 28% ของความต้องการใช้ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ กาแฟไทยมีคุณภาพดีไม่เป็นรองใคร โดยมีตลาดส่งออกเมล็ดกาแฟดิบที่สำคัญ คือ แคนาดา ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ และมีตลาดส่งออกกาแฟคั่วที่สำคัญ คือ กัมพูชา มาเลเซีย และฮ่องกง
“เมล็ดกาแฟไทยทุกรายการที่นำมาประมูล มีคุณภาพสูง มีเอกลักษณ์ทั้งด้านกลิ่นและรสชาติพิเศษกว่าเมล็ดกาแฟระดับพรีเมียมทั่วไป เพราะเป็น Specialty Coffee ที่ได้รับคะแนน Cupping จากผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ ทั้งของไทยและระดับโลก 80 คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 100 สร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ให้กับกาแฟไทย”
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า งานในวันนี้ได้รับความสนใจทั้งจากเกษตรกร โรงคั่วกาแฟร้านกาแฟ กลุ่มนักบริโภคกาแฟยุคใหม่ กว่า 1,500 ราย โดยเปิดประมูลเมล็ดกาแฟโรบัสตา 10 รายการ เริ่มต้นที่กิโลกรัม (กก.) ละ 150 บาท เคาะราคาประมูลสูงสุดที่ กก.ละ 20,000 บาท กาแฟอะราบิกา 30 รายการ ราคาประมูลเริ่มต้นที่ กก.ละ 200 บาท เคาะราคาสูงสุดที่ กก.ละ 6,400 บาท สร้างมูลค่าได้สูงกว่าราคาตลาดปกติโดยเฉลี่ยถึง 60 เท่า ซึ่งรายได้ที่ได้จากการประมูลทั้งหมดจ่ายตรงให้กับเกษตรกรโดยไม่หักค่าใช้จ่าย สำหรับเมล็ดกาแฟที่ประมูลราคาสูงสุดพันธุ์อะราบิกาเป็นของนายฉิ่ง แซ่ท้าว เกษตรกร จ.น่าน กก.ละ 6,400 บาท และเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสตา ของนายธนาสิทธิ์ สอนสุภา เกษตรกร จ.ชุมพร กก.ละ 20,000 บาท.