“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ขอเวลาศึกษาปรับภาษีบุหรี่

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้หารือกับกรมสรรพสามิตเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่แต่อย่างใด ทำให้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ไปในทิศทางใดและมีแนวทางอย่างไร ทั้งนี้ การพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ต้องพิจารณาด้วยความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงต้องพิจารณาความสมดุระหว่างสุขภาพของประชาชนกับการจัดเก็บรายได้จากภาษีบุหรี่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงสร้างภาษีบุหรี่ในปัจจุบัน มีการจัดเก็บ 2ขั้น คือบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกราคาต่ำกว่า 60 บาทต่อซอง จัดเก็บภาษีในอัตรา 20% ส่วนบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกราคาสูงกว่า 60 บาทต่อซองขึ้นไป จัดเก็บภาษีในอัตรา 40% และอัตราภาษีตามปริมาณมวนละ 1.20 บาทนั้น ซึ่งประกาศใช้ เมื่อ 16 ก.ย.2560 เป็นต้นมา ทั้งนี้ รายได้จากภาษีบุหรี่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2560 จัดเก็บภาษีบุหรี่ได้ 68,603.09 ล้านบาท

ปี 2561 จัดเก็บได้ 68,548.17 ล้านบาท ปี 2562 จัดเก็บภาษีได้ 67,410.24 ล้านบาท ปี 2563 จัดเก็บได้ 62,904.57 ล้านบาท และในช่วง 8 เดือนของปี 2564 (ต.ค.2563-พ.ค.2564) จัดเก็บได้ 43,000.85 ล้านบาท ทำให้มีกระแสข่าวออกมาว่าจะมีการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ ซึ่งจะทำให้อัตราการจัดเก็บสูงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนหนึ่งของการจัดเก็บรายได้ที่ลดลงนั้น เป็นเพราะปัญหาการลักลอบนำเข้าบุหรี่ ซึ่งกรมสรรพสามิตได้เร่งปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีบุหรี่ที่ไม่ได้เสียภาษีในประเทศไทยอยู่พอสมควร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้กว่า 2,000-4,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือเป็นจำนวนเงิน ที่สูง โดยพื้นที่ที่มีการนำเข้าบุหรี่หนีภาษีมากที่สุด ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ตามแนวชายแดน ทั้งภาคใต้ ตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งกรมสรรพสามิต ได้ประสานงานทุกฝ่าย เพื่อปราบปรามสินค้าหนีภาษีทุกชนิด.